ยินดีต้อนรับ..ทุกคนที่แวะมาพักสายตาที่นี่ค่ะ...

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2551

หากคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนทีวี

น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะเปลี่ยน TV เป็นจอแบนครับ ..........................................


อยากซื้อ 'ทีวีจอแบน' ไว้ชมรายการทางโทรทัศน์ให้ชุ่มใจ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนหรือควรพิจารณาซื้ออย่างไร เราได้รวบรวมทุกปัญหาข้อข้องใจและคำแนะนำสำหรับเลือก ซื้อทีวีจอแบน ซึ่งจะทำให้คุณเลือกซื้อได้อย่างถูกต้องและตรงกับควา มต้องการ อีกไม่นานการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีนก็จะเริ ่มขึ้น ประกอบกับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ระหว่างชาติยุโรปท ี่ได้เริ่มขึ้นแล้ว บางท่านอยากดูกีฬาระดับโลกเช่นนี้อย่างสนุกสนานมากขึ้น จึงอยากซื้อทีวีจอแบนเตรียมไว้ อย่างไรก็ตาม หลายท่านยังไม่ทราบว่าจะเลือกซื้อทีวีจอแบบอย่างไร จึงอยากขอแนะนำหลักเกณฑ์ทั่วๆ ไป เพื่อใช้พิจารณาเลือกซื้อทีวีจอแบนอย่างคุ้มค่าและมี ประสิทธิภาพ - จะเลือกซื้อทีวีจอแบนหรือทีวีแบบเดิม? ในอนาคตเราจะอยู่ในยุคของทีวีจอแบน ไม่ว่าจะเป็นทีวีจอแอลซีดี หรือจอพลาสม่าก็ตาม เพราะบริษัทผู้ผลิตหลายบริษัทได้เลิกการผลิตทีวีแบบเ ดิมไปแล้ว - ควรซื้อทีวีจอแบนขนาดใด จึงจะเหมาะสม? ขนาดของทีวีจอแบน ไม่ควรมีขนาดเล็กกว่า 21 นิ้ว (65 เซนติเมตร) และถ้าจะให้ดี ควรมีขนาด 32 นิ้ว (80 เซนติเมตร) โดยขนาดจอทีวีควรเป็นแบบ 16:9 เนื่องจากจะทำให้ความกว้างของทีวีจอแบนมีความกว้างมา กกว่าทีวีจอธรรมดาที่มีขนาดเท่ากัน นอกจกานี้ การเลือกซื้อควรตรวจวัดขนาดห้องที่จะวางทีวีด้วยว่า มีขนาดเหมาะสมกับจอทีวีที่จะซื้อหรือไม่ โดยระยะห่างระหว่างจอทีวีกับผู้ชมควรอยู่ระหว่าง 5 - 7 เท่าของความสูงของจอทีวี เช่น หากจอทีวีมีขนาด 32 นิ้ว ซึ่งจะมีความสูง 60 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างจอกับผู้ชมควรอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร - จะเลือกจอทีวีแบบ 'แอลซีดี' หรือแบบ 'พลาสม่า'? โดยปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจอชนิดใด ก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ทั้งนี้ การเลือกซื้อระหว่างแอลซีดีหรือแบบพลาสมา ควรยึดเอาแสงสว่างภายในห้องเป็นหลัก หากห้องสว่างมากและไม่มีผ้าม่านกั้นแสงสว่างจากภายนอ ก ควรเลือกซื้อแบบแอลซีดี แต่หากเป็นห้องที่ค่อนข้างมืด ควรเลือกซื้อแบบพลาสมา - ทีวีจอแบน มักมีจอภาพที่อายุการใช้งานสั้นจริงหรือไม่? ไม่จริง เพราะทีวีจอแบบมีอายุการใช้งานไม่สั้นกว่าทีวีแบบทั่ วไป ทั้งนี้ ได้มีการทดสอบอายุการใช้งานของทีวีจอแบน ซึ่งพบว่ามีอายุยาวนานถึง 15 ปี จากข้อมูลของนิตยสาร TEST ซึ่งเป็นวารสารคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศเยอรมันนีน ั้น ก็ไม่ได้ระบุถึงอาการที่อาจนำไปสู่อาการเสียหาย หากใช้งานตามปกติ - ใช้ทีวีจอแบนจะเปลืองไฟหรือไม่? ทีวีจอแบนขนาดกลาง ที่มีขนาดความยาวของเส้นทะแยงมุมของจอภาพ 32 นิ้ว ( 80 เซนติเมตร) จะใช้พลังงานไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 130 วัตต์ โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าของทีวีจอแบนทั่วไป ตามปกติจะอยู่ระหว่าง 108 - 160 วัตต์ ขึ้นอยู่กับขนาดของทีวี ทั้งนี้ จอแบบแอลซีดีจะประหยัดไฟมากกว่าจอแบบพลาสม่า ถ้าภาพที่ฉายบนจอแอลซีดีมีลักษณะสม่ำเสมอและคงที่ เช่น ภาพการเสนอข่าวหรือภาพโฆษณา อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานของทีวีจะขึ้นอยู่กับการปรับความสว่างแ ละคอนทราสต์ของจอด้วย - เป็นไปได้หรือไม่ ที่ภาพในทีวีจอแบนที่ซื้อมาแล้ว จะไม่สวยและคมชัดเหมือนที่ร้านค้า? เป็นไปได้ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีของทีวีจอแบนจะทำให้ได้ภาพที่คม ชัดกว่าทีวีแแบบทั่วไป แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ ความชัดของภาพในทีวีนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของ Pixel (ขนาดของ Pixel 1024x768 คือขนาดที่เหมาะสม) นอกจากนี้ สัญญาณภาพที่ส่งมาก็ส่งผลต่อความชัดเช่นกัน จึงมีข้อควรคำนึงเรื่องจำนวน Pixel กับสัญญาณทีวีในบ้านเรา ดังนี้ การเลือกซื้อทีวีจอแบนแบบ FULL HD (ขนาดของ Pixel 1920x1080) นั้น การส่งสัญญาณทีวีในประเทศไทยยังไม่ support เทคโนโลยีนี้ เพราะฉะนั้นภาพที่ได้จึงจะไม่คมชัด เหมือนกับการชมภาพยนต์จากแผ่นดีวีดี - ในอนาคตทีวีจอแบนจะมีราคาถูกและมีคุณภาพดีกว่าตอนนี้ หรือไม่? ถือเป็นสัจธรรมของการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ในอนาคตเทคโนโลยีใหม่ๆ จะส่งผลให้คุณภาพของสินค้าดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การเลือกซื้อทีวีจอแบนอาจต้องคอยติดตามข่าวคราวของที วีรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะออกมา เพราะถ้าสินค้ารุ่นใหม่ออกมาแล้ว สินค้ารุ่นเก่าจะมีราคาถูกลง วิธีการทดสอบเบื้องต้น ในการเลือกซื้อทีวีจอแบนในร้าน

1.สังเกตไฟในห้องแสดงสินค้า โดยปกติแล้วแสงไฟในห้องแสดงสินค้าจะสว่างกว่าห้องในบ้านของเรา ถ้าเป็นไปได้อาจขอให้พนักงานขายลดความสว่าง
ของไฟลง

2.สังเกตภาพจากสัญญาณทีวี โดยสามารถดูได้จากการแต่งหน้าของผู้ดำเนินรายการว่า สามารถเห็นได้ชัดเจนเพียงใด

3.ก่อนซื้อควรนำแผ่นภาพยนต์ดีวีดีที่ชื่นชอบไปด้วย โดยให้เน้นสังเกตเมื่อถึงฉากมืดๆ ว่าสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนหรือไม่

4.สังเกตความสว่างของภาพในจอทีวีพลาสม่าว่า ความสว่างของภาพเพียงพอหรือไม่ ส่วนภาพในจอแบบแอลซีดีนั้น ควรสังเกตว่าสามารถชมภาพได้ชัดเจนหรือไม่ เมื่อมองจากมุมต่างๆ

5.อย่าลืมฟังเสียงจากลำโพงด้วยว่า ถูกใจเราหรือไม่


ที่มา นิตยสาร 'ฉลาดซื้อ' ฉบับที่ 87 โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เขียนโดย ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551

กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง


จากการตรวจดูในอินเตอร์เน็ตแล้ว จะพบว่ามีการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย โดยอ้างว่ามีส่วนผสมของ "สารต้านอนุมูลอิสระ" ที่มีประสิทธิภาพสูง และมักระบุว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ การบริโภคอาหารเสริมอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก จะส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างไร เป็นคุณหรือเป็นโทษ ... เป็นหลายคำถามที่หลายคนอย่างรู้และควรต้องรู้ ดังที่ทราบกันดีกว่า สารต้านอนุมูลอิสระมีอยู่หลายชนิด และแทบจะมีอยู่ทั่วไปในอาหารทุกมื้อ ทั้งนี้ อาหารที่เรามั่นใจได้แน่นอนว่ามีสารชนิดนี้ คือ เมล็ดพืชทุกชนิด แต่สิ่งที่ควรระวังคือ เมล็ดพืชบางชนิดมีพิษ ดังนั้น สารพิษจึงอาจหลุดออกมาพร้อมกับสารต้านอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ ใบพืช โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสีเข้ม ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว เหลือง หรือแดง ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เช่นกัน รวมทั้ง เปลือกผลไม้สุก ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระมากเช่นกัน โดยการจากวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย พบว่า เปลือกของมะม่วงสุกที่ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระมากพอ ที่ควรจะเก็บมาสกัดมาให้สาวๆ ทานเพื่อบำรุงผิว ส่วนที่มีความสงสัยกันว่า หากนำสารต้านอนุมูลอิสระมาทาผิวหนังจะได้ผลหรือไม่นั้น พบว่า เป็นวิธีที่ได้ผลเช่นกัน แต่มีต้นทุนสูงกว่าการกิน เพราะการผลิต ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่ผสมสารต้านอนุมูลอิสระนั้น ต้องมีการสกัดสารต้านอนุมูลอิสระออกมาจากแหล่งต่างๆ แล้วนำไปผสมกับสารอื่นๆ จึงทำให้มีราคาแพงมาก เมื่อนำมาเทียบกับการกิน จะพบว่าต้นทุนการป้องกันอนุมูลอิสระด้วยการกินจะถูกกว่ากันมาก เนื่องจากระบบทางเดินอาหารของเรามีระบบสกัดสารที่มีประโยชน์ที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ประโยชน์ของการกิน "สารต้านอนุมูลอิสระ" จากอาหารยังมีอีก คือ หากเรารับสารต้านอนุมูลอิสระจากการกินอาหาร โอกาสที่จะได้รับสารนี้มากเกินความต้องการของร่ายกาย จะน้อยกว่าการกิน "อาหารเสริม" เพราะอาหารเสริมจะมีสารนี้สูงมาก เนื่องจากอยู่ในรูปของสารเข้มข้น เราจึงควรคำนึงถึงวรรคทองของ "บิดาวิชาพิษวิทยา" ไว้ให้ดีว่า... สารเคมีทุกชนิดมีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดหรือปริมาณที่บริโภคเข้าไป ดังนั้น ถ้าเราไม่ต้องการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากเกินไป การกินอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเรามีข้อมูลยืนยันว่าเรื่องนี้ จากการศึกษาเรื่องการใช้สารต้านอนุมูลอิสระ "เบต้าแคโรทีน" เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปอด ซึ่งผลการศึกษาพบว่า การให้ตำรวจจราจรในหลายประเทศทานอาหารเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ แทนที่จะเป็น "การลด" โอกาศการเกิดมะเร็งปอด กลับกลายเป็น "การเพิ่ม" อัตราการเกิดมะเร็งปอดให้มากขึ้น!!! เนื่องจาก สารเบต้าแคโรทีน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) ที่เมื่อร่างกายได้รับมากกว่าความต้องการ จะหันไปทำหน้าที่ในทางตรงกับข้าม โดยกลายตัวเป็น "Pro-Oxidant" ซึ่งเป็นสารที่ส่งเสริม "การเกิด" อนุมูลอิสระ ด้วยเหตุผลเชิงชีวะเคมี ด้วยเหตุนี้ การบริโภคเบต้าแคโรทีนในรูปแบบของอาหารเสริมที่มากเกินไป อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ขณะที่การรับประทานอาหาร เช่น มะละกอสุก ฟักทอง ตำลึง โอกาสที่ร่างกายจะได้รับสารนี้มากเกินไปจะเป็นไปได้ยาก เพราะเราจะอิ่มก่อนได้รับปริมาณมากเกินไป โดยมีกระเพาะเป็นผู้กำหนด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

4 อาหาร ที่ทำให้หน้าท้องแบนราบ

แคลลอรี่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้หน้าท้องเพิ่มหรือลด แต่อาหารบางอย่างดูจะมีผลต่อไขมันกลางลำตัวของเรามากกว่า เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เชี่ยวชาญจากการศึกษาแบบต่อเนื่องของ Framingham Nutrition รายงานว่า ผู้หญิงที่กินน้อยลงไปเกือบ 400 แคลอรี่ ต่อวัน แต่เลือกอาหารที่มีสารอาหารน้อย มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสองเท่าครึ่งในการมีหน้าท้องใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่กินมากกว่าแต่กินอาหารที่ดีกว่า คุณจึงไม่จำเป็นต้องอดอาหาร เพียงแต่ต้องรู้จักเลือกอาหารให้มากขึ้น เพื่อปราบหน้าท้องให้อยู่ในที่ในทาง นั่นก็คือ 4 อาหาร ต่อไปนี้



1. ผักและผลไม้ ผู้หญิงลดขนาดเอวได้ด้วยการแทนที่อาหารที่เป็นแป้งขัดขาวและน้ำตาลด้วยคาร์โบไฮเดรตจากผักและผลไม้โดยเฉพาะที่มีสีส้ม นี่เป็นการรีวิวจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน นอกเหนือจากเส้นใยอาหารที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่มยาวนานกว่า นักวิจัยยังคาดว่าแอนตี้ออกซิแดนท์ อย่างเช่น วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนคือสิ่งที่ช่วยกำจัดไขมันหน้าท้องออกไปได้


2. โปรตีน การกินโปรตีนมากขึ้นทำให้คุณอิ่มและเพิ่มพลังงานซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักโดยรวม และสำหรับคนที่อายุมากกว่า 40 จะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้เป็นพิเศษ นี่เป็นผลการค้นพบของวิทยาลัยสกิดมอร์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน แต่งานวิจัยชี้ว่าการกินโปรตีนในปริมาณสูงๆ อาจทำให้ไตทำงานหนัก เพราะอาจทำให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมได้ ควรตั้งเป้ารับแคลอรี 25 % จากโปรตีน (ถ้าคุณกินวันละ 2,000 แคลอรี่ นั่นก็คือ 500 แคลอรี่ จากโปรตีน) และเลือกโปรตีนแบบไร้ไขมัน อย่างเช่น โยเกิร์ตไขมันต่ำ นมไร้ไขมัน ปลาและสัตว์ปีกไร้หนัง ถั่วเป็นแหล่งที่ดีอีกอย่างหนึ่งแต่อาจมีแคลอรี่ค่อนข้างสูง


3. เซเลเนียม นี่เป็นแร่ธาตุที่ช่วยต่อสู้มะเร็ง และเชื่อมโยงกับไขมันหน้าท้อง จากการสำรวจคนอเมริกันมากกว่า 8,000 คน คนที่มีระดับเซเลเนียม และแอนตี้ออกซิแดนท์อื่นๆ ในเลือดน้อยกว่า จะมีรอบเอวที่ใหญ่กว่า เซเลเนียมพบในอาหารหลายชนิด แต่มันอาจยากที่จะรู้ว่าคุณได้รับปริมาณครบตามที่แนะนำหรือเปล่า (55 ไมโครกรัม) เพื่อให้ได้ปริมาณตามต้องการ ลองกินวิตามินเสริมหรือกินอาหารให้หลากหลาย


4. ไขมันที่ดี การวิจัยชิ้นหนึ่งของสเปนชี้ให้เห็นว่า มันง่ายกว่าที่จะรักษาความผอมเพรียวด้วยการกินไขมันแบบไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (เช่น น้ำมันมะกอก) และโอเมก้า-3 (ส่วนใหญ่พบในปลา แต่ก็มีในเมล็ดต้นแฟลกซ์ น้ำมันวอลนัตและเต้าหู้) ในขณะที่ไขมันเมก้า-6 (มีมากในซีเรียลน้ำมันข้าวโพด
และไข่ ) เป็นเหตุให้ไขมันหน้าท้องเพิ่มพูนแต่ไขมันที่ควรกำจัดโดยสิ้นเชิงก็คือ ไขมันทรานส์ที่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร ในการศึกษาของมหาวิทยาลัยเวกฟอเรสต์ ลิงที่กินอาหารแบบที่คนอเมริกาทั่วไปกินเป็นเวลา 6 ปี มีน้ำหนักมากขึ้นเทียบเท่ากับน้ำหนักมนุษย์ 10 ปอนด์ ถ้าไขมันที่พวกมันกินคือ ไขมันทรานส์อย่างเดียว เทียบกับพวกที่กินไขมันที่เพิ่มขึ้น 30% นั้นจะเพิ่มขึ้นในส่วนของหน้าท้องด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ราชินี ทรงเตือน ป่าหมด-น้ำขาด



เนื่องในวโรกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม ที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งในปี 2551 ซึ่งเป็นประจำทุกปีที่ในวันที่ 11 สิงหาคม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิดาลัย ซึ่งในปีนี้ มีคณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ 474 คณะ รวมทั้งสิ้น 14,262 คน จากนั้นในเวลาประมาณ 17.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ มาถึงศาลาดุสิดาลัย และหลังจากที่ท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กราบบังคมทูลรายงานคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯแล้ว ต่อมานายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนคณะบุคคลกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล มีใจความว่า ประชาชนชาวไทยต่างประจักษ์ว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จพระราชสมภพมาเพื่อเป็นคู่บุญญาบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างแท้จริง ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงงานหนักที่สุด พระราชกรณียกิจทั้งปวง ล้วนมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ความผาสุกของอาณาประชาราษฎร์ และการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งปวงชนชาวไทยล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม หาที่สุดมิได้ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน นับตั้งแต่ทรงอภิเษกสมรส ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ทรงวิริยะอุตสาหะ ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเยี่ยมเยียนราษฎรทั่วทุกแห่งทุกภูมิภาคของประเทศ อย่างมิทรงย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก ทรงตรากตรำพระวรกาย ฝ่าลม ฝ่าแดด ฝ่าฝน เสด็จพระราชดำเนินไป แม้ในท้องถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้ทรงทราบถึงปัญหา และความทุกข์ยากของพสกนิกร และทรงหาแนวทางแก้ไข ขจัดทุกข์ ผดุงสุข แก่อาณาประชาราษฎร์อย่างมิได้ทรงหยุดยั้ง
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาส่งเสริมศิลปาชีพ อันเป็นการดำรงรักษาเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติไทย ทรงมีพระปรีชาสามารถในการฟื้นฟูงานศิลปะ ที่สร้างสรรค์อาชีพให้แก่ราษฎร ชาวไร่ ชาวนา และผู้ยากไร้ ที่ด้อยโอกาส จนมีความสามารถปราดเปรื่อง สร้างสรรค์ผลงานหัตถศิลป์ อันประณีตบรรจง ทั้งงานปั้น งานปัก งานวาดเขียน แกะสลัก ถักทอ งานหล่อ และงานจักสาน นับเป็นการสร้างคุณค่าแก่บุคคลและชิ้นงาน ราษฎรในชนบทจึงมีอาชีพเสริม มีรายได้เพิ่ม สามารถจะยกระดับความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของตน รวมทั้งได้ร่วมมือร่วมใจกันสืบสาน มรดกศิลปะของไทย ให้อยู่ยั่งยืน ตกทอดถึงอนุชนรุ่นหลังสืบไป
พระราชกรณียกิจอันเป็นคุณอย่างยิ่งแก่ประเทศและประชาชนอีกนานัปการ คือใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ทรงตระหนักถึงภัยต่างๆ ที่คุกคามความผาสุกของประชาราษฎร์ จึงเป็นที่มาของโครงการตามพระราชดำริจำนวนมาก เช่น โครงการป่ารักษ์น้ำ โครงการสวนป่าสิริกิติ์ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการฟาร์มตัวอย่าง เป็นต้น แสดงถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ที่ทรงปกปัก ฟื้นฟูทรัพยากรของธรรมชาติ ให้คืนสู่ความอุดมสมบูรณ์เพื่อเป็นสมบัติของชาติ เป็นมรดกแก่ลูกหลานในอนาคต และอำนวยความสุขแก่วิถีชีวิตของราษฎร โดยเฉพาะที่สำคัญ ทรงป้องกันปัญหาที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน อันเป็นภัยของโลกด้วย โดยพระราชจริยวัตรอันงดงาม ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงทรงเป็นที่รักและเคารพเทิดทูนของปวงพสกนิกรทั้งชาติ ณ ศุภวาระอันเป็นมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม ศกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และบรมเดชานุภาพแห่งบุรพสมเด็จมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ได้โปรดอภิบาลรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญ คู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ตราบจิรัฐติกาล เทอญ ลำดับต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชดำรัสตอบ ความว่า
"ข้าพเจ้าขอขอบคุณ ท่านผู้เป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลที่ มาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นี้ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ผู้แทนของรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ สภา สถาบัน สมาคม ชมรม มูลนิธิ ลูกเสือชาวบ้าน และประชาชนทุกหมู่เหล่า จากหลายจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมใจกันเดินทางมาอวยชัยให้พรข้าพเจ้าในวันนี้ โดยมีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กล่าวอำนวยพรแก่ข้าพเจ้าในนามของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีกำลังใจยิ่งขึ้นที่จะทำงานช่วยเหลือประชาชนต่อไป เพราะเป็นพระราชปณิธานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า ทรงเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย แล้วก็ทรงพร้อมที่จะทรงงานเพื่อช่วยรัฐบาลของพระองค์ในการทะนุบำรุงประชาชนทั่วขอบขันธ์รัฐสีมาของไทย ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้ว่าปีนี้ข้าพเจ้าจะอายุ 76 แต่เมื่อได้รับพรจากท่านทั้งหลาย ก็ทำให้มีกำลังวังชาเพิ่มขึ้น ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย ขอขอบคุณผู้มีน้ำใจอีกหลายท่านที่จัดอาหารและน้ำดื่มมาบริการประชาชนจำนวนมาก ที่เดินทางมาอวยพรกับข้าพเจ้า นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเดือนเกิดของข้าพเจ้า มีประชาชนออกมาทำการกุศลเฉลิมฉลอง และอวยพรข้าพเจ้าผ่านทางสื่อมวลชนทั้งหลาย รวมทั้งส่งจดหมายอวยพรไปถึงข้าพเจ้าด้วย สิ่งนี้ทำให้ ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่าน และขอขอบคุณด้วย ข้าพเจ้าดูโทรทัศน์และอ่านหนังสือต่างๆ ทุกวัน จึงได้ทราบกิจกรรมมากมายที่ประชาชน ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่จัดขึ้นเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าปลื้มปีติอย่างยิ่งที่ทุกคนช่วยกันทำสิ่งดีๆ เพื่อบ้านเมือง หรือช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแก่ข้าพเจ้า ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า พ่อและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต่อมาก็มีท่านอาจารย์แบน ที่อยู่เป็นพระอริยเจ้าอยู่ที่สกลนคร ท่านสอนข้าพเจ้าและทุกๆคนที่ไปกราบว่า ขอให้ทุกคนนึกถึงบุญคุณของประเทศ ของแผ่นดินบ้าง ให้พยายามที่จะตอบแทนพระคุณของแผ่นดินอย่างสุดกำลัง เมื่อมีผู้พร้อม ใจกันออกมาช่วยข้าพเจ้าเป็นแสนเป็นล้าน บ้านเมืองของเราก็คงจะเจริญรุ่งเรืองและลูกหลานไทยคงจะมีแผ่นดินที่ร่มเย็นเป็นสุข ไว้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างปลอดภัยต่อไปในภายภาคหน้า
เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้าต้องเข้าโรงพยาบาลจุฬาฯ เพราะว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเชื้อค่อนข้างแรง พอข้าพเจ้าหายกลับมาที่สวนจิตรฯก็ได้รับจดหมาย ตอนนั้นท่านยังเป็นประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ท่านเขียนมาว่าขอให้รักษาพระองค์ให้หายดี เพื่อจะได้เสด็จฯช่วยประชาชนไทยทั่วพระราชอาณาจักรอย่างที่ได้ทรงทำมาแล้ว อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้าได้ทำมาตลอดเวลา อวยพรอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็รู้สึกปลาบปลื้ม ระลึกถึงว่า การที่ข้าพเจ้าได้แทนพระองค์ไปที่ประเทศรัสเซีย และได้รับการต้อนรับอย่างประเสริฐมาก จะเต็มที่ตั้งแต่ สนามบินที่ข้าพเจ้าลงจากเครื่องบิน มีการต้อนรับอย่างดีและก็มีสวนสนามถวายที่สนามบินด้วย ได้รับความช่วย เหลือทุกอย่างและเปิดพิพิธภัณฑ์มิวเซียมต่างๆ ให้ข้าพเจ้าได้ดู ได้เห็นพิพิธภัณฑ์ที่เรียกว่าหาดูได้ยาก ข้าพเจ้าก็รู้สึกซาบซึ้ง ที่พอกลับมาแล้วไม่สบาย แล้วท่านตอนนั้นท่านเป็นประธานาธิบดี ท่านเขียนจดหมายมาอวยพรขอให้หายเร็วๆ จะได้ออกไปทำหน้าที่ช่วยเหลือราษฎรต่อไป ก็เลยปลื้มมาก อยากจะให้ท่านทั้งหลายทราบว่าที่ทรงเลือกไปแทนพระองค์ ที่รัสเซียนี้ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ได้เห็นธงไทยกับธงรัสเซียปลิวคู่อยู่คู่กัน ซึ่งอันที่จริงไม่ว่าเสด็จไหน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมารอบโลก มากมาย ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งตลอดมา ทีแรกข้าพเจ้านึกกลัวเหมือนกันที่ว่าไปคนเดียว แต่ว่าก็ผ่านทุกอย่างมาได้อย่างดี ทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือให้กำลังใจและข้าพเจ้าก็เลยขอพระราชทานว่าไหนๆ อยู่ที่รัสเซีย 7 วันแล้ว ก็จะขอไปต่อที่เยอรมัน แล้วก็ไปต่อที่ออสเตรีย เพราะว่าไม่ได้ไปมานานหนักหนาแล้ว ก็ทรงอนุญาตว่าให้ไปเถอะ ข้าพเจ้าก็ไปอย่างสนุกสนาน ได้มีโอกาสนานๆ ที ได้มีโอกาสไป ราษฎรก็มาทักทายเขาก็พูดกัน เขายืนคอยหน้าร้านต่างๆ แล้วเขาก็พูดกันในหมู่ราษฎรว่า เอ๊ะ สิริกิติ์นี่อายุสักเท่าไหร่ คนเยอรมันบอกว่าสัก 60 แท้ๆ ข้าพเจ้าว่าไปตั้ง 76 แล้ว เขาบอกว่าสัก 60 ได้ รู้สึกว่าเขาน่ารักเป็นกันเอง และเขารู้สึกดีใจที่ข้าพเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านเมืองเขาอีก ความจริงก็ไปอย่างกันเองไปเข้าร้านโน่น ร้านนี้ อย่างสนุกสนาน ทั้งนี้ มีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ประชาชนชาวไทยร่วมกันทำเพื่อเป็นของขวัญให้ข้าพเจ้า คือการปลูกป่า หลังจากที่ข้าพเจ้าได้เรียกร้องประชาชนให้เห็นความสำคัญของป่าไม้ต่อเนื่องกันมาเป็นสิบๆ ปี บัดนี้เป็นที่น่าชื่นใจมากว่าประชาชนก็เข้าใจ ข้าพเจ้าพยายามอ่านหนังสือต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา เพราะได้ทราบว่าปัญหาต่อไปของชาวโลก ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่เขาว่าประมาณอีก 15 ปี น้ำจืดที่พวกเรารับประทานกัน จะเป็นของที่หายากมาก ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เมื่ออ่านทราบแล้วก็เกิดความร้อนใจว่า บ้านเราไม่มีแหล่งน้ำใหญ่ๆ มีแต่ป่า ถ้าคนไทยไม่ทราบว่า ป่าไม้คืออะไร ป่าไม้ก็คือที่สะสมน้ำไว้ใต้ดินนี่เอง ที่ฤดูฝนแทนที่น้ำฝนจะไหลหลากลงไปที่ทะเล ถ้ามีป่า ป่าเหล่านั้น ต้นไม้ใหญ่ๆ เหล่านั้น จะดูดน้ำไว้ใต้ดิน ใต้ต้นไว้เป็นจำนวนมาก และตามกิ่งก้านทั้งหลายของเขา จะดูดไว้ เรียกว่าเป็นแหล่งน้ำที่ดี แล้วก็ออกมาเป็นลำธารน้อยใหญ่ อันนี้ที่อยากให้ราษฎรทั้งหลายเข้าใจ ไม่ใช่ไปนึกแต่ว่ามีป่า ไม้สักไม้อะไรต่างๆ สำหรับตัดไปค้าขายอย่างเดียว มันมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย ที่เราน่าจะคำนึงถึง เพราะฉะนั้น ประเทศไทยมีประชากรเป็นจำนวนมาก ถ้าน้ำจืดต่อไปใน 15 ปี เป็นของที่หายาก ที่เรียกว่าแพงถูกแล้วสมัยนี้เขาเอาน้ำทะเลมากลั่น เป็นน้ำจืดได้ แต่ว่า ค่าทำแพงเหลือหลาย แล้วประเทศเราไม่ใช่ว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยอะไรมาก ถ้าถึงขนาดต้องเอาน้ำทะเลมากลั่นเพื่อเลี้ยงประชากร ก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะฉะนั้นทำไมเราจะไม่รู้จักเก็บป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งที่สะสมน้ำไว้ให้ดี อย่าพากันไปตัดคนละหนุบคนละหนับ ความจริงป่าไม้เป็นของคนไทยทั้งชาติ เป็นผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ ไม่มีสิทธิที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะแอบเข้าไปตัดและทำการค้า แต่ลำพังแล้ว ต่อไปถ้าประเทศไทยขาดน้ำจะทำยังไง เพราะเราไม่ใช่ประเทศร่ำรวย ข้าพเจ้าชื่นใจมากที่ได้ยินได้ข่าวว่านายกรัฐมนตรีสมัคร มีความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาป่าไม้ด้วยเหตุนี้ด้วยเหตุที่ว่าเป็นแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ของไทย ถ้าเราช่วยกันพิทักษ์รักษาป่า คิดว่าเราคงไม่ต้องถึงกับเอาน้ำทะเลมากลั่น และคนยากคนจนจะลำบาก เขาบอกอีก 15 ปี น้ำจืดอาจจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดสงครามโลกได้ นี่ข้าพเจ้าอ่านเองจากหนังสือฝรั่ง เพราะฉะนั้น อยากตักเตือนคนไทยว่า อย่างน้อยเรามีป่า ธรรมชาติของเรา ซึ่งถูกทำลายไปเยอะ เพื่อผลประโยชน์ต่างๆ ของบุคคล แต่บัดนี้ท่านนายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาป่าของเมืองไทยไว้ เพราะทราบว่าจะเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของประเทศ ก็ให้พวกเราช่วยกันดูแลรักษาป่า อย่าไปนึกว่าไม้สักแพง ไม้อะไรต่ออะไรคิดเป็นเงินเป็นทอง นึกถึงน้ำ ถ้าเราขาดน้ำจืด เราจะแย่ ทั้งอุตสาหกรรมก็ไปไม่ไหว ทั้งชีวิตทั่วๆไปของคนไทยก็แย่ ถ้าเราต้องซื้อน้ำจากประเทศต่างๆ จะแพงมาก เป็นภาระใหญ่และหนักของประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเข้าใจกันง่ายๆ ว่าป่าไม้คือแหล่งน้ำ ถ้าเราปลูกป่าก็อาจจะพอทัน เราปลูกป่าเพิ่มและระมัดระวังไม่ให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนึกถึงแต่เงินทองอย่างเดียว ให้รู้ว่า ป่าคือน้ำของประเทศต่อไปจะได้หายห่วงสักที เขาให้เวลา 15 ปี ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะถึง 15 ปีมั้ย ที่จะเกิดภาวะน้ำจืดขาดแคลนทั่วโลก อ่านด้วยตัวเองก็มีความไม่สบายใจ แต่ได้ยินนายกรัฐมนตรีพูดกำชับว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปขอให้ทหารมาเป็นกำลังด้วยช่วยดูแลป่าตามภาคต่างๆ ไม่ใช่ว่าใครอยากตัดอะไรไปค้าขายก็ตัดไปตามเรื่องตามราว บางทีกลัวกฎหมายก็เลี่ยง ควั่นตรงโคนต้นไม้ ข้าพเจ้าเห็นเอง ให้มันล้ม ค่อยๆ ควั่นให้ลึกเข้าๆแล้วมันก็จะล้มไปเอง ไม่ใช่ความผิดของใคร อันนี้ก็ไม่ฉลาด เพราะผลสุดท้ายผู้ที่ได้รับทุกข์ร้อนก็คือประชาชนชาวไทย ถ้าเผื่อน้ำจืดขาดเข้าจริงๆ แล้วเราไม่มีแหล่งน้ำอย่างเขมร ที่มีทะเลสาบที่กว้างใหญ่ หรืออย่างพม่าที่มีแม่น้ำเยอะแยะ เราไม่มีอย่างนั้น เมืองไทยทุกสิ่งทุกอย่างเวลานี้ต้องพึ่งป่าไม้ สำหรับน้ำดื่มและน้ำทำเกษตรกรรม อุตสาหกรรม เราต้องรู้อย่างนั้น จะได้ไม่ปล่อยผู้คนที่คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว ให้ตักตวงอะไรทุกอย่างของบ้านเมือง ก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัว น่าจะหยุดกันที น่าจะเข้าใจ ต่อมาข้าพเจ้าได้รับข่าวที่น่าชื่นใจว่า ประชาชนหันมาปลูกป่าและปลูกต้นไม้กันทั่วไปในบ้านในเมือง เห็นจะเป็นที่ทางต่างประเทศเขาเป็นห่วงถึงโลกร้อน ถ้ามีแต่มองไปทางไหนเวิ้งว้างและเมืองเราเป็นเมืองร้อน ก็คงจะลำบาก คงจะเข้าใจว่าน่าจะช่วยกันปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีว่า ต่อไปบ้านเราจะมีน้ำกินน้ำใช้ ไม่แห้งแล้ง และต้องซื้อน้ำจากประเทศต่างๆ
ข้าพเจ้าทราบว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ท่าน นายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองทัพบก พุทธศักราช 2551 โดยผู้บัญชาการทหารบก กับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ไปลงนามร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล ใจความสำคัญที่น่าชื่นใจคือ ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันทุกวิถีทางในการอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งก็คือแหล่งน้ำของเมืองไทย ข้าพเจ้าจึงรู้สึกซาบซึ้ง ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี กองทัพบก กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้าพเจ้าขอเอาใจช่วยและจะได้เฝ้ารอดูความเจริญเติบโตของป่าไม้ในเมืองไทยต่อไป ข้าพเจ้าทราบดีว่ากล้าไม้ ต้นหนึ่งๆจะใช้เวลาเป็นสิบๆปี กว่าจะกลายเป็นไม้ใหญ่ หลายปีมานี่มีการปลูกกล้าไม้ไปแล้วหลายล้านต้นทั่วประเทศ แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเติบโตได้เองตามธรรมชาติ อีกส่วนหนึ่งจะเติบโตได้ด้วยความเอาใจใส่ดูแลของผู้ปลูกและผู้คนในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นกว่าต้นไม้หลายล้านต้นเหล่านี้จะเติบโตเป็นป่าไม้ได้ จึงต้องถึงพร้อมด้วยความสามัคคี ความเพียร ความอดทน ความเข้าใจของประชาชนชาวไทยหลายล้านคนในชาติ ทุกครั้งที่ได้ทราบข่าวมีการลักลอบตัดป่า ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้าพเจ้าจะรู้สึกไม่สบายใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอน แนะนำข้าพเจ้ามาโดยตลอดถึงความสำคัญของป่าไม้ ว่าป่าไม้ของไทยมีความสำคัญหลายประการ คือเป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำทุกสายในประเทศ และช่วยดูดซับน้ำไว้ในรากและใต้ดิน กลายเป็นน้ำใต้ดินให้เราใช้ ช่วยสร้างความชุ่มชื้น ดึงดูดให้มีฝนมาตกในพื้นที่ และช่วยต้านความแรงของน้ำป่าเวลาฝนตกหนัก อย่างเมื่อคราวที่แล้วไม่นานมานี้ ที่แถวทางภาคเหนือ ที่บนป่าทางเหนือขาดต้นไม้มาก แต่ก็ยังไม่หยุดการตัดป่า เพราะฉะนั้น เวลาที่เกิดมีพายุฝนรุนแรง น้ำป่าก็ถล่มลงมา เอาดินลงมาอย่างแรงแล้วก็มาเป็นอันตรายกับหมู่บ้านของประชาชน อันนี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่เห็นแล้วเศร้าใจที่เราไม่รู้ จนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พวกทางเหนือมีป่าไม้บนเขา แล้วไปลักลอบตัดเสียหมด เวลาเกิดพายุร้ายแรง เป็นภัยอันตรายมาก ดินถล่มชีวิตคนแย่
ส่วนกรุงเทพมหานครของเราได้ทำดีอยู่แล้วในการปลูกต้นไม้ ก็ขอให้ปลูกเพิ่มขึ้น ซึ่งข้าพเจ้าทราบว่า ยากเพราะว่าติดสายไฟ มีสายไฟ เรายังไม่สามารถมีเงินพอที่จะเอาสายไฟลงใต้ดิน เพราะฉะนั้นการปลูกต้นไม้ในเมืองต่างๆยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ว่าทางกรุงเทพฯรู้สึกว่าพยายามทุกอย่างที่จะทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าสบาย แล้วก็เจริญรุ่งเรือง
ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า ปีนี้กรุงเทพฯได้รับการโหวตจากพวกนักท่องเที่ยว ให้เป็นที่หนึ่งของโลกในความน่าอยู่น่าสบาย สะดวกสบายต่างๆ เมื่อปีที่แล้วรู้สึกเป็นที่ 3 แต่ปีนี้ 2551 เขาประกาศมาว่าเป็นเมืองที่ได้รับโหวตจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่น่าเที่ยว มีทั้งศิลปะเก่าแก่ วัดวาอาราม มีทั้งความเจริญก้าวหน้า มีทั้งความสะดวกสบาย มีทั้งน้ำใจที่น่ารักของคนไทยทั้งหลาย ทำให้ ข้าพเจ้าพอได้ทราบ ชื่นใจมาก ถึงจะ 76 ก็ 76 มันชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย ดีใจมากเลยว่าได้รับชมเป็นที่หนึ่งในโลก
ท่านนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี คณะนายทหารทั้งหลาย คงชื่นชมเหมือนข้าพเจ้า ดีใจมากเลย แล้วจากปีที่แล้วที่ข้าพเจ้าห่วงใยในความสะอาดของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่ห่วงไปเฉยๆ ข้าพเจ้าจำได้ว่าบ้านของข้าพเจ้าอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เทเวศร์ แต่เช้าจะเห็นเรือของประชาชนมาทอดแห ตกปลา ได้ปลาเป็นจำนวนมากมาย แม่ข้าพเจ้าเห็นยังโบกมือเรียกเขาโหวกเหวกว่าแวะมาจะได้ซื้อปลาสดๆ ที่บ้านของตัวเอง อันนี้จำได้ติดหูติดตาและตอนนี้ 70 กว่านี้ ก็ถามผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นอย่างไรบ้างปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา เขาตอบอย่างเศร้าว่า เดี๋ยวนี้แม่น้ำเจ้าพระยาเหลือแต่ปลาสวาย ซึ่งปลาสวายนี้ไม่อร่อยเลย ไม่อร่อยอย่างยิ่ง แต่ว่าเก่งอย่างคือมีความหนังเหนียวก็อยู่ได้ ไปไหนเจอแต่ปลาสวาย เมื่อสมัยก่อนข้าพเจ้าเห็นปลาหลายชนิด บ้านข้าพเจ้าที่เทเวศร์ มีท่าน้ำเล็กๆ เป็นไม้เอามือลูบไปข้างล่างของท่าน้ำ จะจับกุ้งได้ ความที่กุ้ง ปลา อะไรนี่บริบูรณ์ชื่นใจ พ่อแม่ ข้าพเจ้าก็ชื่นใจคนไทยจะไม่มีวันอดตาย
พ่อแม่ข้าพเจ้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้แม่น้ำเจ้าพระยาของพวกเราอยู่ไม่ได้ ปลาอยู่ไม่ได้ เหลือแต่ปลาสวาย ซึ่งแย่มากๆไม่อร่อย อันนี้ข้าพเจ้าฟังจากผู้เชี่ยวชาญแล้วไม่สบายใจ ถึงได้อ้อนวอนทุกคนว่าให้พวกคนไทยเราทุกคนช่วยกันให้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่ที่มีอาหารของคนไทยอย่างมากมาย จะไม่มีวันอดตายคนจนก็พายเรือแจวพายเรือไป แล้วไปทอดแหได้ปลา คือมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่เดี๋ยวนี้มันหมดไปแล้ว เพราะว่าเราได้ไปอนุญาตให้โรงงานต่างๆ อยู่ตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ๆ อยุธยา บางปะอิน แล้วปลาต่างๆ ก็คงทนไม่ได้ น้ำที่ทางโรงงานปล่อยลงไปโดยไม่ทำความสะอาดซะก่อนอย่างต่างประเทศ ปลาก็ตายเอาๆ คนไทยก็ยังยากจน หวังจะพึ่งปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา เขาก็รู้แล้วว่าแสนลำบาก พึ่งไม่ได้แล้ว ไม่ควรที่จะอนุญาตให้โรงงานต่างๆ ทิ้งสารเคมีลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะต่างประเทศเขาก็ไม่ได้ทำกันอย่างนั้น เขามีกฎหมายอย่างแข็งแรงที่ว่า ไม่สามารถที่จะทิ้งน้ำอะไรๆ ก็ได้ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา มันต้องทำความสะอาดเสียก่อน ด้วยทางวิทยาศาสตร์ สมัยใหม่ แล้วถึงจะปล่อยน้ำนั้นลงไปจะได้ไม่ฆ่าสัตว์น้ำ จะได้ไม่ทำลายความหวังของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนี้มีมากเข้าทุกที กรุงเทพฯ ธนบุรี อะไรก็ตาม ปลาไม่เหลือหลอ ก็ขออาศัยรัฐบาลให้ช่วยสักนิดเถอะ ไม่งั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น คนไทยจะพึ่งน้ำ สมัยข้าพเจ้ายังเด็กๆ เห็นคนตักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามารับประทานได้อย่างดี ซึ่งก็นานมาแล้วหลายปี และจับปลาไม่มีวันที่จะหมดไป ปลาสมบูรณ์มาก ก็ไม่สายเกินไปที่จะกลับไปเป็นอย่างนั้น เพราะเรายังมีประชาชนที่ยังยากจนอยู่ที่เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อมาหางาน และเป็นคนจนไม่มีอาหารจะรับประทาน ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาก็จ้างเรือออกไปทอดแห ก็ได้มีอาหารกิน แต่บัดนี้เป็นชีวิตอีกชีวิต แต่เขาไม่ทราบ เขาเข้ามาลำบากในการที่จะมาหางานทำ ซึ่งข้าพเจ้าหวังอธิษฐานว่าต่อไป ถ้าเผื่อคนไทยทั้งหลายช่วยกัน รวมทั้งคณะรัฐบาล ก็หวังว่า กุ้งปลา นานาชนิด เราจะสามารถปล่อยคืนกลับสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นประโยชน์ของคนทั่วไปแทนที่จะเหลือแต่ปลาอย่างว่า
นักท่องเที่ยวทั่วโลก ข้าพเจ้าเคยพบเป็นบางคน ถามว่าทำไมถึงชอบมาเมืองไทยมาก ที่อื่นก็มีทะเลที่สวยงาม แต่นักท่องเที่ยวเขาบอกว่า คนไทยน่ารักเหลือเกิน น่ารักมาก ที่เขาจะมาอยู่ที่ภูเก็ต ที่ไหนก็ตาม หัวหินตอนนี้ก็แยะ เขาอยู่ในหมู่คน นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ชอบมาเมืองไทย ข้าพเจ้าถามเขาว่า ทำไมถึงชอบมาเมืองไทยมาก เขาตอบว่าคนไทยน่ารัก น่ารักมาก ที่ภูเก็ต หรือหัวหิน นักท่องเที่ยวก็แยะ แต่ที่เบิกบานมาก เพราะนักท่องเที่ยว ทั่วโลกให้ กทม. เป็นที่ 1 ในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ อาหาร และความหลากหลายในการจับจ่าย อัธยาศัยที่งดงาม อันนี้ปลื้มตลอดเวลา ยิ่งได้อันดับ 1 ยิ่งปลื้ม
เมื่อตอนแต่งงาน ขณะนั้นอายุ 17 ใกล้ 18 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ย้ำความสำคัญของป่าชายเลน ทรงรับสั่งว่า ต้องคอยดูแล อย่าให้คนทำลาย เพราะเป็นแหล่งอนุบาล กุ้งหอย เป็นที่หลบภัย และเป็นอาหารให้มนุษย์ แต่ขณะนี้มีการทำลายทั้งป่าไม้ ป่าชายเลน ขอให้ตระหนักถึงความสำคัญ อย่าไปทำลาย
เรื่องน้ำจืดก็พูดมาหลายหนแล้ว นับวันเป็นสิ่งที่มีค่าหายาก ในโลกมีการคาดการณ์ว่า ต่อไปอาจเกิดสงครามโลกเรื่องแย่งแหล่งน้ำจืดมนุษย์มากขึ้น ความต้องการใช้น้ำก็มาก การใช้ชีวิตประจำวัน หรือใช้น้ำจืดไปไล่น้ำเค็ม หากคนไทยไม่รู้ ก็ไม่สามารถปกป้องทรัพยากรสำคัญ รักษาแม่น้ำลำคลองความสะอาดต่างๆทำให้ประชาชนเข้าใจว่า การทิ้งอะไรลงไปทำลายน้ำสะอาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ถือเป็นผลร้ายต่อบ้านเมือง หวังว่ารัฐบาลจะรณรงค์ให้ประชาชนรู้คุณค่าของน้ำ ถนอมน้ำสะอาด ปลูกฝังลูกหลานให้ใช้อย่างมีวินัย เผื่อวันที่ไม่พอใช้ ข้าพเจ้าเสด็จฯภาคอีสาน ก็เตือนคนไทยว่าอย่าทำลายป่า เขาก็หัวเราะอย่างน่าเอ็นดู โถท่านจะไปวิตกเกี่ยวกับน้ำกินน้ำใช้ ยุ่งอยู่กับป่ากับน้ำทำไม ไม่ต้องห่วงแม่น้ำโขงอยู่ใกล้นิดเดียว จะใช้เมื่อไหร่ก็ได้
เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้าอ่านในไทมส์ เดอะนิวส์วีค แม่น้ำโขงแห้งขอด เห็นแต่ก้อนหิน เขาลงว่าเป็นที่ทำให้ พวกที่หากินจับสัตว์น้ำตกใจมาก เพราะแม่น้ำแห้งผาก แต่ก่อนไม่ทราบว่าแม่น้ำโขงจะแห้งผาก แต่ก็ออกมาเกือบ 2 ปีแล้ว มันไม่ไหวแล้ว เพราะต้นของแม่น้ำโขงอยู่ในจีน และเขาสร้างเขื่อนอย่างใหญ่โต เพราะเข้าใจว่าประชากรแยะ และต้องอาศัยน้ำ เพื่อให้ทำงานได้ดี เวลานี้แม่น้ำโขงไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้
ข้าพเจ้าอยากพบข้าราชการที่ขบขันข้าพเจ้า เห็นข้าพเจ้าเป็นตัวน่าขำที่สุด ตอนนี้น้ำโขงแห้งจับปลาบึกก็ไม่ได้ ด้านชาวนาก็เป็นทุกข์ อย่างราคาปุ๋ยก็ขึ้นตามราคาน้ำมัน ทุกอย่างขึ้นตามราคาน้ำมัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นประชาชนเลิกใช้ควายไถนา ควายก็ไม่มีค่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ถ้าน้ำมันแพงขึ้น ชาวนาจะทำอย่างไร เพราะทิ้งควายไปแล้ว ต้องเข้าโรงเรียนฝึกไถนาใหม่ และราคาน้ำมันไม่มีวันที่จะลง ในเมื่อควายไถนาได้ น่าจะใช้ควายไถนา
ข้าพเจ้าเป็นทุกข์แทนชาวนาไทย ซึ่งยังยากจน เพราะว่านอกจากน้ำมันแพงแล้ว ปุ๋ยก็ยังแพงมากอีกด้วย ข้าวของทุกอย่างพากันขึ้นตามราคาน้ำมันไปหมด อันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เวลาทรงทอดพระเนตรอย่างไปทรงเยี่ยมตามจังหวัดต่างๆเห็นประชาชนเลิกใช้ ควายไถนา มาใช้รถ นัยว่าสมัยใหม่กว่า ใช้รถไถนาควายก็กลายเป็นไม่มีค่าอะไร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งบอก ต่อไปถ้าน้ำมันแพงขึ้น ชาวนาเหล่านี้จะทำอย่างไรได้ ทิ้งควายไปแล้ว เพราะควายตัวนี้ก็ต้องมาฝึกกันใหญ่ เข้าโรงเรียนฝึกหัดไถนา เพราะถูกทอดทิ้งไปหลายปี ไถนาไม่เป็นตอนนี้ สู้น้ำมันไม่ไหว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่าไม่มีวันที่จะลงหรอก
ความจริงเมื่อควายใช้ไถนาได้ก็น่าจะใช้ควายไถนา เดี๋ยวนี้ใช้ควายเหล็ก มันกินน้ำมันแทนหญ้า ชาวนา ก็ยิ่งลำบาก อันนี้ท่านนายกฯ คงจะช่วยสนับสนุนให้ชาวนาใช้ควายอย่างเดิม ก็ไม่เสียเกียรติอะไรเลยน่ารักออก รู้สึกมีชีวิตชีวาดี อย่างน้อยเราก็ผลิตข้าวได้มากอย่างเดิม ไม่ใช่ว่าแหม เมืองไทยนี้ล้าสมัยต้องใช้ควายแทนที่จะใช้รถไถนาที่มีอยู่ที่มีความโก้เก๋ แต่พระเจ้าอยู่หัวรับสั่ง บ่นมานานเลยบอกว่ารถไถนานี่ราคาสูง และน้ำมันก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆ และในระยะยาวต้องเสียค่าซ่อม ค่าอะไหล่ ตอนที่รับสั่งน้ำมันก็ยังมีดี รับสั่งว่าถ้าเผื่อวันหนึ่งไม่มีมัน หรือน้ำมันแพงมาก รถไถนาก็ต้องจอดทิ้งไว้เฉยๆ ผิดกับควายที่มันเดินเองได้ทุกเวลา แล้วมูลของควายที่ถ่ายไว้ทั่วไปตามท้องนาก็เป็นปุ๋ยชั้นดี รับสั่งบ่นมานาน เดี๋ยวนี้ท่านไม่บ่นแล้ว ท่านเห็นว่าสู้คนสมัยใหม่เขาไม่ ไหว แล้วท่านก็เลยไม่บ่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงสร้างธนาคารข้าว ทรงคิดสร้างเองทั่วทุกหนทุกแห่ง รอบประเทศไทย เดี๋ยวนี้ชาวบ้านมีธนาคารข้าวตามพระราชดำริที่ว่าช่วยกันตั้งธนาคารข้าว ใครอดอยาก หมู่บ้านไหนอดอยาก ก็ได้ ไปขอยืมข้าว ทรงสอนให้เขาไปขอยืมข้าว แล้วเวลาปี ไหนทำข้าวได้ดีก็เอาข้าวไปใช้ หวังว่าท่านนายกฯคงสนับสนุนได้นะคะ ทำให้คุณอะไรนะ คุณจุ่น ควาย แล้วตอนนี้ฉันตกใจมากนึกไม่ถึงว่า บอกทำไมไม่เอาควายมาไถนา เขาบอกมันไถไม่เป็นแล้วตอนนี้ ต้องเปิดโรงเรียนอบรมควายให้ไถนาอย่างเดิม ฟังดูเหมือนตลก แต่ มันเรื่องจริง
แล้วต่อไปก็อยากจะพูดถึงสถานการณ์ในภาคใต้ ที่เป็นปัญหาสืบเนื่องมาตั้งแต่ 4-5 ปีแล้ว อันนี้ก็น่าหนักใจ แต่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ขณะนี้ก็ดีขึ้น ค่อยๆดีขึ้น ที่หนักใจเพราะว่าประชาชนหลายคนมากที่ไม่สามารถออกไปทำมาหากินตามปกติได้ ซึ่งอันนี้เป็นของที่น่าเป็นห่วงมาก เขาก็คงทุกข์ และมีความทุกข์ยากมากเพราะว่าเขามีสวนยาง คนจนเขามีสวนยางเล็กๆ ซึ่งเขาก็อาศัยทำมาหากิน บัดนี้ออกไปสวนยางก็ตาย แม้ แต่ออกไปที่ตลาดก็ยังตาย ชีวิตไม่ปลอดภัยแล้ว แต่ได้ ทราบข่าวว่าตอนนี้ค่อยๆ ดีขึ้น
ข้าพเจ้าเองเมื่อคราวที่แล้วไม่สบาย หมอไม่ได้ให้ ไปภาคใต้ ไม่ใช่ว่าจะละทิ้งเขา ตั้งใจว่าปีนี้จะไปอีก เพราะว่าชาวบ้านที่ข้าพเจ้า แปลกใจชาวอิสลาม เขาพูดกับข้าพเจ้าบอกว่า เวลาประไหมสุหรีไม่มา พวกเราลำบาก เป็นอิสลามที่พูดอย่างนี้ เพราะว่าข้าพเจ้าก็ทำตามพระบรมราชโองการ ไม่ได้ช่วยแต่ชาวพุทธ ช่วยทั้งชาวพุทธ ทั้งไทยอิสลามเสมอกัน อย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับภาคใต้ ทรงทะนุบำรุงวัดไทย ทรงทะนุบำรุงสุเหร่า ที่อยู่ใกล้ๆเหมือนกันหมดทุกอย่าง ให้เกิดความสามัคคีไม่น้อยหน้ากัน
แต่ก่อนนี้ข้าพเจ้าไปภาคใต้ไปครั้งแรกในชีวิต คือตอนอายุ 40 ไปฉลองวันที่ 12 สิงหา ที่นราธิวาส และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปตรวจดูเกี่ยวกับดิน เกี่ยวกับน้ำ ทรงพบว่าน้ำแม่น้ำเปรี้ยวจัดมาก ทรงประทับเรือและทรงตักน้ำแม่น้ำส่งมาทางกรุงเทพฯ ให้ดูถึงความเปรี้ยวเท่าไหร่ ทรงบุกด้วยพระองค์เองทั้งนั้น จนกระทั่งได้ความช่วยเหลือจากข้าราชการต่างๆ และกรมชลประทาน เดี๋ยวนี้คนทางใต้ หมายถึงนราธิวาส ปัตตานี สามารถทำนาได้ปีละบางทีเกือบ 3 ครั้ง เพราะว่าทรงช่วยกับกรมชลประทาน ช่วยกันแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้อยู่ ดีกินดีขึ้น
แต่ตอนนี้มามีปัญหาถึงความไม่เข้าใจระหว่างศาสนา ซึ่งแต่ไหนแต่ไรรัฐบาลเราพยายามเต็มที่ที่จะให้ ศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทยได้อยู่กันอย่างเป็นอิสระ สามารถนับถือศาสนาของตัว ทะนุบำรุงศาสนาของตัวอย่างเป็นอิสระ ไม่มีใครรังแก จนกระทั่งชาวต่างประเทศพูดกับข้าพเจ้าบอกเมืองไทยนี่ยอดเลย ทุกศาสนาโดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เคยมีประวัติสงครามศาสนาเลย แต่บัดนี้ที่ภาคใต้น่าห่วงขนาดเด็ก 3 ขวบ ถ้าเป็นพุทธก็ต้องตายแล้ว อันนี้มันผิดปกติ มันไม่ใช่น้ำใจของมนุษย์ผู้ที่มีความเจริญแล้ว เด็ก 3 ขวบ จะไปรู้เรื่องอะไร ไม่จำเป็นจะต้องทำลายขนาดเด็ก 3 ขวบ
แต่ก่อนนี้ที่เสด็จไป พระสงฆ์ในศาสนาพุทธ และผู้นำของศาสนาอิสลามเป็นมิตรกัน อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจในสาเหตุเหมือนกัน พยายามพูดกับคนอิสลาม เขาก็พูดข้าพเจ้าเอง อย่างข้าพเจ้าเข้าไปปีที่แล้ว เมื่อต้นปีนี้ไปแค่ 10 วัน เพราะว่าไปไม่ไหวมากเลยไปแค่ 10 วัน เขามากระซิบกับข้าพเจ้าว่าบอกว่าเวลาที่ท่านไม่ไป เวลาประไหมสุหรีไม่ไป พวกเราลำบากไม่ใช่แค่มองหน้า เพราะจากปากของคนอิสลาม พวกเราลำบาก แต่ว่าเวลาท่านไปพวกเราสบาย ขอให้ท่านอย่าทิ้งใต้เลยเป็นอันขาด เพราะข้าพเจ้าให้ทำหน้าที่อย่างเดียวคือให้งานเขา เห็นใครมาเฝ้าและยากจนมากก็จับสอนให้ปัก มีครู ตั้งกลุ่มปักและสอนให้ปัก สอนให้ทอผ้า สอนทุกอย่าง แล้วศิลปาชีพก็คือตลาด เขาสามารถที่จะส่งผลงานเขามา เราก็จ่ายไป ซึ่งข้าพเจ้าเคยมีเงินในมูลนิธิศิลปาชีพกว่าพันล้าน
บัดนี้มีผู้เตือนข้าพเจ้าว่าเหลือ 700 ล้าน เพราะว่า คือว่าพยายามที่จะให้กำลังใจเขา อย่างทางภาคอีสาน ก็จนสิ เพราะหยุดทอผ้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ซึ่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งพระราชโอรส กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม ซึ่งทรงเรียนที่อังกฤษ เวลาเสด็จกลับมาทรงส่งกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดมเดินทางด้วยเกวียนจากกรุงเทพฯไปถึงจังหวัดบุรีรัมย์ ข้าพเจ้าก็คิด เอ๊ะนี่เพราะข้าพเจ้าไม่เก่งเลขเลย คิดว่านี่ เอ๊ะใช้เวลานานเท่าไหร่ ด้วยเกวียน จากกรุงเทพฯไปถึงบุรีรัมย์ เพื่อไปสนับสนุนให้ประชาชนที่แถวนั้นรักษาความเป็นผู้ที่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมจริง และทอผ้าจริงให้เขารักษาความสามารถของเขาไว้เพื่อต่อไปจะได้ ขยายงานต่อไป แล้วกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดมเป็นองค์ที่แต่งเพลงลาวดำเนินเกวียน ที่เดี๋ยวนี้เราเรียกว่า ลาวดวงเดือน ซึ่งเพราะเหลือเกิน ท่านแต่งระหว่างที่ท่านอยู่ในเกวียน แล้วจะไปที่บุรีรัมย์ โอ้ละหนอดวงเดือนเอ๋ย ทรงแต่ง ทรงยังหนุ่มแน่นแท้ๆ และข้าพเจ้าหาว่าที่เสด็จไปด้วยเกวียน ต้องผ่านป่าผ่านอะไรทำให้ทรงติดไข้ป่ามา เพราะว่าพระชนม์ 28 สิ้นพระชนม์แล้ว โดยที่ไม่ทราบสาเหตุว่าสิ้นเพราะอะไร ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่าที่ท่านไปดูทางอีสานเกี่ยวกับการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้า มันต้องขบวนเกวียนไปอย่างช้า ต้องผ่านป่า ซึ่งเป็นแหล่งมาลาเรียคิดว่าอย่างนั้น คิดเอาเอง เดาเอาเอง ไม่มีอะไรยืนยันได้ แต่เห็นท่านสิ้นพระชนม์ 28 เท่านั้น ท่านแต่งเพลงเพราะๆ เป็นนักศิลปะสมกับที่พระราชบิดาทรงส่งไปดูแลเกี่ยวกับการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้า แต่ก่อนข้าพเจ้าก็ไม่ทราบแต่ชอบเพลงลาวดวงเดือนมาก ไม่ทราบว่าองค์ไหนที่แต่งอย่างนี้ เพราะเหลือเกิน แล้วต่อไปนี้ข้าพเจ้าก็อยากจะเอ่ยถึงคนไทยหนุ่มที่มีความรักชาติ คือข้าพเจ้าแค่ทราบมาแค่ 2 คน แต่ คงจะมีเยอะแยะมาก อย่างนายตำรวจผู้กล้าหาญ ซึ่งสละชีวิตไปแล้วเพื่อรักษาดินแดนภาคใต้ คือร้อยตำรวจเอกธรณิศ ศรีสุข ที่เรียกว่าผู้กองแคน สอบได้ที่ 1 แล้วทางตำรวจให้เลือกได้จากคนสอบที่ได้ที่ 1 ว่าจะเลือกไปอยู่ที่ไหน ไปทำงานที่ไหน คนไทยที่ยอดเยี่ยม ร้อยตำรวจเอกธรณิศ เลือกที่จะไปอยู่ที่ภาคใต้ 3 จังหวัดภาคใต้ แล้วข้าพเจ้าก็ไม่รู้เลยไม่มีไม่ทราบเลย ด้วยความเสียใจจนบัดนี้ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าไปอยู่ที่นราธิวาสแล้วไปเยี่ยมแถวปัตตานี ร้อยตำรวจเอกธรณิศเป็นคนหนึ่งที่ดูแลถวายอารักขาอย่างใกล้ชิด เพราะที่นั่นมันอันตราย และก็มีการปะทะกันที่จังหวัดยะลาใกล้ๆ เบตง แล้วเขาก็เสียชีวิตไป มือหนึ่งของตำรวจที่สอบได้ที่ 1 แต่เป็นคนที่มีความรักชาติอย่างมาก แล้วเป็นคนมีอุดมคติสูง เลือกจะไปที่ที่ยาก ที่ลำบากแล้วก็ไปเสียชีวิต แล้วคนที่ 2 ที่ข้าพเจ้าทราบจากหนังสืองานศพ เขาเขียนจดหมายไปถึงคุณพ่อคุณแม่เขา ไม่ทราบจะทำยังไงเพราะว่าไม่ทราบก่อนหน้าที่จะไปงานศพเขา คือร้อยตำรวจตรีกฤตติกุล บุญลือ คืออีกคนที่เลือกที่จะไปรักษาความปลอดภัยของประเทศชาติในที่ที่อันตราย ในที่ซึ่งบ้านเมืองกำลังต้องการความคุ้มครองป้องกัน เขาบอกไม่ใช่ว่าไม่กลัว กลัวเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกว่าเป็นคนไทยแล้วเรียนมาเป็นตำรวจ น่าที่จะไปปกป้องคุ้มครองในที่ที่ยากลำบาก เพราะทั้ง 2 เลือกไปที่นี้ ถึงเวลาเขาไปอยู่ครบ 6 เดือนครบเทอม ถึงเวลากลับเขาก็ไม่กลับ เพราะประชาชนรักแล้วก็ไว้ใจ แล้วขอให้อยู่ต่อแล้วก็เสียชีวิตที่นั่นอีก ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเมืองไทยน่าจะรอดพ้นอันตรายทั้งหลายได้ เพราะว่ามีคนที่ดี ที่ยอดเยี่ยม ที่ยอมสละแทนที่จะไปหาที่ที่จะทำงานไปได้ที่สูงที่อะไร กลับยินดีที่ไปอยู่ที่ที่เรียกว่าต้องปกป้องประชาชน ต้องปกป้อง พื้นที่ของประเทศไทย ร้อยตำรวจเอกธรณิศเคยดูแลข้าพเจ้าตอนที่ข้าพเจ้าไปอยู่ภาคใต้ ที่ภาคใต้ค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่ ก็ถูกให้ถวายอารักขา เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น เป็นลูกของรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เกรียงศักดิ์ ทันตแพทย์หญิงนิธิภาวี ศรีสุข สอบได้เป็นอันดับที่ 1 หลังจากเรียนจบแต่เลือกที่จะเป็นตำรวจตระเวนชายแดน แล้วต่อมาเป็นตำรวจพลร่มที่ค่ายนเรศวรแล้วเขาก็เลือกที่จะไปทำงานที่สามจังหวัดภาคใต้ ทั้งของ 2 คน อีกคนเสียชีวิตแค่อายุ 24 เท่านั้น เขาเขียนในไดอารี่ของเขาว่าเขาสมัครใจปฏิบัติงานที่จังหวัดชายภาคใต้ เพราะเป็นที่ที่ลำบาก เป็นที่ที่จะต้องปกป้องครู ปกป้องประชาชน แต่เขาเลือกที่จะทำหน้าที่นั้น ยะลานี่ทั้งระเบิด แต่ว่านายตำรวจที่กล้าหาญฝีมือดียังอาสาที่จะไปอยู่ที่นั่น แล้วร้อยตำรวจเอกธรณิศ มีข้อเขียนคติของเขาว่า จงเป็นผู้เสียสละ อย่าคาดหวังนักเลยว่าเราจะได้อะไรบ้างจากหน่วยงานของเราและประเทศชาติ จงคิดเสมอว่าทำอะไรได้บ้างให้แก่หน่วยงานและประเทศชาติของเรา อันนี้หายาก คนอย่างนี้หายากเหลือเกิน แล้วก็ร้อยตำรวจตรีกฤตติกุลก็ดำเนินตามนโยบายของรุ่นพี่ ร้อยตำรวจตรีกฤตติกุลเขียนหนังสือความทรงจำว่า เขาเลือกที่จะไปอยู่ภาคใต้แล้วก็เคยได้รับพระราชทานถุงของขวัญ เพราะโดยอัตโนมัติ ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสได้พบกับเขาเป็นส่วนตัว หรืออะไรเลย ถึงเวลาก็เชิญนายทหาร นายตำรวจ เข้าไปรับประทานที่ในวังที่ภาคใต้ เขาก็มีเขียนว่าเขาได้เฝ้าแล้วก็รับถุงของขวัญ ที่ทำให้เขามีกำลังใจ เสียดายมากเลย แต่ก็ดู แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย คือสูญเสียคนที่ดีๆ ไปแล้วคนที่ดีๆ ตั้งใจที่จะไปที่นั่นเพื่อคุ้มครองประชาชน คุ้มครองผืนแผ่นดินไทย ก็มีนายพันตำรวจโทกิติกานต์ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยที่ไปครั้งนี้ได้ รับบาดเจ็บสาหัสมาก เกี่ยวกับทางสมองอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ซึ่งข้าพเจ้าถามข่าวคราวไปเสมอ ตอนนี้มีอาการค่อยๆ ทุเลาขึ้น แต่ข้าพเจ้าเพิ่งทราบว่านายตำรวจที่เก่งได้มาถวายอารักขาโดยที่ข้าพเจ้าเองรอดปลอดภัยไม่ได้ ทราบเลยว่ามีผู้ใดบ้างที่มารับผิดชอบถวายอารักขา เขาเล่าว่าเขาตื่นเต้นได้ไปนั่งรับประทานอาหารใกล้ๆพระราชินี เขาตื่นเต้น
ข้าพเจ้าเสียใจ เพราะไม่ได้คุยรุ่นเด็กๆ นี่เลย ไม่ได้คุยเลย เชิญเข้าไปในวัง ไปรับประทานอาหารกันอย่างใกล้ชิด แล้วเขาเขียนบันทึกไว้ คนที่เขียน กฤตติกุล เขาบอกว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาทำงานแบบลืมตายคืออะไร เขาบอกอุดมการณ์ไงล่ะ จริงอยู่มันกินไม่ได้ แต่มันอิ่มใจ คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งจากภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เดินทางมาจากบ้านตั้งหลายพันกิโล มาถึงที่นี่มาดูแลให้ราษฎรปลอดภัย เขาเขียนบันทึกเอาไว้แล้วก็ตอนงานศพก็ออกในงานศพ ข้าพเจ้าก็อ่านหนังสือจากงานศพเขาบอก ยอมรับว่าแรกๆ ไม่อยากมาหรอก เขาฟังดูมันน่ากลัว แต่พอมาแล้วไม่อยากกลับ อยากทำงานให้จบ ถึงจะยากอย่างไรก็ตาม ก็รักที่จะทำงานแบบนี้ คงเห็นภาระหน้าที่ที่จะคุ้มครองประชาชน เขาบอกให้พวกเราภูมิใจกับทุกคนที่มาทำงานที่นี่หลายพันคน มาจากทุกสารทิศ มาช่วยกันปกป้องแผ่นดินผืนนี้ มีอีกหลายคนที่ทำงานแบบผมอยู่ในพื้นที่นี้ อย่าชมผมคนเดียว อย่าให้กำลังใจผมคนเดียว ขอให้กำลังใจกับพวกเขาทุกคน และเขาก็หวังใจว่าว่าเขาจะไม่ตาย แต่ถ้าเกิดมีวันนั้นจริงๆ ที่เขาจะต้องตาย เขาก็ไม่เสียดายนะ เกิดมาครั้งเดียวตายเพื่อชาติไม่กลัว เขาตายอายุ 24 เท่านั้นเอง ข้าพเจ้าอ่านแล้วก็นึกสงสารพ่อแม่ เขานึกถึงความเสียสละของนักรบเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งทหาร ทั้งตำรวจ ที่อยู่ในพื้นที่อันตราย ซึ่งคนที่อยู่กรุงเทพฯ อาจจะนึกไม่ออกว่าอันตรายแค่ไหน มันทั้งปืนทั้งระเบิด ทั้งอะไร ทุกอย่าง ถ้าพวกเราจะสามารถส่งกำลังใจไปให้เขา มีจดหมายหรืออะไรให้ก็ตาม ส่งไปให้กำลังกับนักรบเหล่านี้ ที่เป็นคนดี และเป็นคนที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ อย่าง 2 นายตำรวจที่ข้าพเจ้ารู้จักนี้ คงมีอีกเยอะแยะที่ไม่รู้จัก ที่ทำงานเสี่ยงภัย แต่ นักรบเหล่านี้ที่เป็นคนดี และเป็นคนที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับท่านอีกอย่างคือว่า วันเกิดของข้าพเจ้าก็มีผู้คนถวายเงินกันหลายคน และเงินนั้น ข้าพเจ้ารวบรวมแล้วไปสร้างศูนย์ครูที่จังหวัดปัตตานี เพราะเห็น สงสารพวกครูที่สุดที่ว่า เดี๋ยวโดนฆ่าเดี๋ยวโดนฆ่าอยู่อย่างนั้น ก็คงจะโดนฆ่าตลอดไป ข้าพเจ้าเลยเอาเงินที่ได้รับ ที่ท่านทั้งหลายให้วันเกิดปีที่แล้ว สร้างศูนย์ครูตอนนี้ยังไม่เสร็จดี เกือบเสร็จแล้วที่ว่ามีที่อยู่ มีที่รับประทาน แล้วก็มีห้องสมุดต่างๆ ที่พวกครูทั้งหลายจะไปพัก แต่ข้าพเจ้ามีเงินทำได้แห่งเดียว นี่มองท่านนายกฯข้าพเจ้ายังทำได้แค่แห่งเดียว แต่อยู่ได้หลายคน เพราะครูเป็นที่นับถือของชาวบ้าน และครูไม่มีอาวุธป้องกันตัว กลายเป็นเป้าหมายใหญ่ให้โจรใต้ไล่สังหาร ครูบางคนถูกยิงตายต่อหน้าเด็กในชั้นทั้งที่ยังถือชอล์กอยู่ในมือ เพราะฉะนั้นครูเสียสละมาก ข้าพเจ้าได้รับเงินวันเกิดปีที่แล้ว เลยไปสร้างศูนย์ครูขึ้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อให้ครูที่อาสามาสอนเด็กในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้มาพักอยู่รวมกัน มีห้องสมุด มีอะไรทุกอย่าง อย่างข้าพเจ้าอาจจะส่งหนังเกี่ยวกับความรู้ใดๆ อะไร ไปให้เขาดูได้ เป็นที่รวมกัน และก็กำลังจะสร้างคล้ายๆ เป็นหน่วยรถที่จะเอาครูต่างๆ ในศูนย์เนี่ยไปส่งในที่ทำงานต่างๆ ของเขา โดยมีอารักขาเต็มที่และที่ศูนย์ครูก็มีอารักขาเต็มที่ ข้าพเจ้าได้ความช่วยเหลือจากทหารที่ปลดเกณฑ์ ให้เข้ามาเป็นผู้อารักขาที่ศูนย์นั่น โดยที่เราก็ยินดีที่จะให้เงินเขาเหมือนอย่างที่เขาทำงานที่ไหนก็ตามด้านความปลอดภัย พร้อมกันหมด และก็สร้างบ้านให้เขา สำหรับเอาครอบครัวมาอยู่ได้ด้วย ทั้งนี้ จากเงินที่ได้รับจากพวกท่าน เมื่อวันเกิดที่แล้วอายุ 75 ตอนนี้กำลังสร้างอยู่ ยังไม่เสร็จดี และข้าพเจ้าได้จัดสร้างฟาร์มตัวอย่าง ตามหมู่บ้านไทยต่างๆ จนชาวอิสลามขอร้องว่าให้ไปช่วยสร้างฟาร์มตัวอย่างให้เขา วิธีเลี้ยงไก่ วิธีเลี้ยงเป็ด วิธีเลี้ยงสัตว์ต่างๆ สัตว์เลี้ยงเพราะว่าเขาบอกว่า พอมีฟาร์มตัวอย่าง เขาไม่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าเมือง หรือไม่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์และภรรยา ซ้อนท้ายลูกอยู่ที่หน้าอกข้างหน้าไปจ่ายตลาด ไปอะไร แต่นั่นก็ตายอยู่กลางถนนเหมือนกัน ข้าพเจ้าเลยสร้างฟาร์มตัวอย่างที่มีสัตว์เลี้ยง หมู่บ้านคนไทยจะมีฟาร์มเยอะแยะเชียว เขาไม่ต้องไปซื้อไข่ไม่ต้องไปซื้ออะไร ก็ได้จากฟาร์มตัวอย่างไม่ต้องเสี่ยงกับความตาย ซึ่งฟาร์มตัวอย่างนี้ ข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากพลเอกเรวัต บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ ช่วยกันจัดตั้ง มีสัตว์ต่างๆพร้อมติดอยู่กับหมู่บ้านของชาวพุทธ และชาวอิสลามไหนมาขอความช่วยเหลือก็ช่วยเหลือ ก็ทำให้เช่นเดียวกัน ที่ช่วยชาวพุทธเพราะเห็นว่าไปตายตามท้องถนน มากมายก่ายกอง ข้าพเจ้าทนไม่ได้อยากจะยุติการตายอย่างนั้นซะที ก็คิดว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง ทำให้เขาไม่ต้องเสี่ยงออกไปจากหมู่บ้านที่เขาอยู่ และไปตามท้องถนนกว่าจะถึงท้องตลาดในเมือง ไม่อยากให้เสียชีวิตอย่างนั้น
ตั้งแต่นั้น ต่อไปชาวบ้านไทยพุทธเลยมีฟาร์มตัวอย่างอยู่ใกล้ๆบ้าน และคนยากจน เราก็รับให้เข้ามาทำงานในฟาร์มดูแลสัตว์ต่างๆ และก็เสียค่าเงินเดือนให้กับคนงานต่างๆ คนงานซึ่งไม่ค่อยมีงานทำ ก็มีงานทำมากขึ้น และหมู่บ้านไทยพุทธก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เขามีธนาคารข้าว ที่เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และธนาคารอาหารชุมชนก็คือ ฟาร์มตัวอย่าง พอประทังชีวิตไปได้ เดี๋ยวนี้พวกเราได้ช่วยกันทำฟาร์มตัวอย่างที่ชายแดนภาคใต้ได้ 21 แห่งแล้ว กระจายความช่วยเหลือไปยังราษฎรตามอำเภอต่างๆ ใน 3 จังหวัด อำเภอแว้ง ซึ่งยากมากจะเข้าออก โดนฆ่าเป็นประจำ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอรือเสาะ อำเภอ ระแงะ ในจังหวัดนราธิวาส อำเภอสายบุรี อำเภอยะหริ่ง อำเภอหนองจิก ในจังหวัดปัตตานี อำเภอรามัน อำเภอเบตง ในจังหวัดยะลา รับคนงานทั้งชาวพุทธและมุสลิม มาทำงานในแต่ละฟาร์ม เดี๋ยวนี้มีสี่พันคน ได้มาทำงาน แต่ข้าพเจ้ารู้สึกสบายใจ โล่งใจมาก ได้ทราบข่าวว่าท่านผู้บัญชาการทหารบก ได้ไปที่ภาคใต้ไปเยี่ยมตามที่ต่างๆ เยี่ยมทหารดูแลความปลอดภัยต่างๆ เกือบทุกอาทิตย์ ข้าพเจ้าทราบมาจากประชาชนว่า เขาอุ่นใจ สบายใจขึ้น และก็มีอีกเรื่องที่ทำให้ชื่นใจ คือข้าพเจ้าได้จัดนิทรรศการศิลป์แผ่นดิน ครั้งที่ 5 ขึ้นที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในโอกาสที่ฉลองทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา ข้าพเจ้าไปดูเป็นครั้งแรก ตกตะลึง ไม่เคยคิดว่าเด็กศิลปาชีพของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเลือกมาเอง เลือกมาจากหมู่บ้าน จากครอบครัวที่ยากจนที่สุด คือว่า เห็นเขามีลูกเยอะ และยากจน อยากที่จะแบ่งเบาภาระ ตอนนั้นยังคิดไม่ได้ถึงเดี๋ยวนี้ แค่ว่าให้เขามาทอผ้า ผู้ชายหัดมาแกะสลัก หัดมาเขียนรูป อะไรต่างๆและให้เงินประจำวัน ให้เงินเขาตลอดไป ปรากฏว่าเขาพออกพอใจ เขามุมานะจะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง จนเดี๋ยวนี้ถ้าเผื่อท่านมีโอกาส อยากจะเชิญให้ไปดูที่พระที่นั่งอนันตสมาคม นั่นเป็นฝีมือของเด็ก
ข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าเลือกมาเอง ไม่ได้เลือกจากคนที่มีฝีมือเก่ง เลือกจากที่เขาจ๊น จน และมีลูกมาก เราเอามาอยู่กับเรา แล้วสอนเขาให้ทำอะไรต่างๆเขาอยู่ทำงานกับเราสัก 3 อาทิตย์ก็ผลัดเวรกันกลับบ้านไปเยี่ยมบ้าน เขาจะได้เงินทุกวัน ทางมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพให้เขา เขาจะเก็บเงินแล้วเอาไว้ถึงเวลากลับบ้านจะเอาเงินไปช่วยเหลือครอบครัว เป็นเด็กหนุ่มๆสาวๆทั้งนั้น พอข้าพเจ้าได้ไปเห็นฝีมือเขา ตกใจเลย ทำไมถึงสวยอย่างนี้ ฝีมือปัก และโดยมากเป็นผู้หญิง ฝีมือปัก ฝีมือแกะสลัก เป็นพวกฝ่ายชาย สวยเหลือเกิน เห็นแล้วขนลุกหมดเลย ว่านี่หรือเป็นเด็กยากจนที่เราเลือกเอามา จบแค่อย่างสูงก็ ป.4 สวยเหลือเกิน ทีนี้ตอนที่ โคฟี อันนัน ยังอยู่ในตำแหน่งก็ขอไปดู พอไปดูแกบอกนี่ฝีมือยอดเยี่ยมของระดับโลก บอกว่าสวยเหลือเกิน ถ้าท่านว่างก็ขอให้ท่านไปดูเถอะ ข้าพเจ้าเองไม่คิดเลยว่าคนไทยของเรา ซึ่งจบ ป.4 บางคนก็จบไม่ถึง ป.4 จะออกมาเป็นศิลปินระดับโลกได้ ชาวโลกมาดูแล้วอ้าปากค้างเชียว ระดับโลกเลย ซึ่งข้าพเจ้าคิดไว้ว่า ถ้าโอกาสมีมาถึงที่เขาจะเชิญข้าพเจ้าไปที่อเมริกา แต่เขาทาบทามมากว่าปีแล้วว่าเชิญไปที่อเมริกา ข้าพเจ้าจะเอาผลงานนี่ไปแสดงให้คนไทยที่อเมริกาดู ไม่ได้ไปคิดไปให้ชาวอเมริกันดู เพราะว่า ประเดี๋ยวเขาจะว่า แม้เขากำลังเงินทองฝืด ยังจะเอามาขายเรื่อย จะไปโชว์ฝีมือคนไทยเฉยๆอย่างนั้น แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ย้ำเชิญมา เพราะว่าเขาเชิญข้าพเจ้าให้ไปรับรางวัลพิเศษ ในฐานะที่ว่า เป็น พระราชินี แล้วเที่ยวไปดูรอบพระราชอาณาจักร พวกคณะชาวต่างประเทศก็จะให้รางวัล เขาบอกมาว่าเมื่อไหร่จะไปได้ เขาจะมอบรางวัลให้ ก็ยังบังเอิญไปไม่ได้
ขอให้ทุกท่านไปดูนะคะจะได้ดูแล้วมันแบบชื่นใจ คนไทยฝีมือหนึ่งในโลกเลยนะ หนึ่งในโลกจริงๆคือเด็กที่ข้าพเจ้าเอามาตอนอายุ 12-13 เดี๋ยวนี้ 20 แกะสลักไม้ เหลือเกิน แล้วก็ทำถมทอง ทำอะไรจริงๆตกใจไปเห็นแล้วตกใจ ฝรั่งถามนี่จบจากโรงเรียนศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปะของไทยหรือเปล่า เปล่านี่เป็นลูกชาวบ้านแท้ๆ จบป.4 แล้วออกมาเป็นอย่างนี้ ความที่เขาซาบซึ้งเพราะเราจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ที่ประเทศไทยบรรพบุรุษของเราสละชีวิตมาเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินมาด้วยเลือดเนื้อ ด้วยชีวิต แต่เสียดายตอนนี้ท่านนายกฯ เขาไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์แล้วนะ ฉันก็ไม่เข้าใจ เพราะตอนที่ฉันเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีประวัติศาสตร์อะไรเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องเรียนประวัติศาสตร์ของสวิส แต่เมืองไทยนี่ บรรพบุรุษเลือดทาแผ่นดิน กว่าจะมาถึงที่ให้พวกเราอยู่ นั่งอยู่กันสบาย มีประเทศชาติ เรากลับไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าใครมาจากไหน เป็นความคิดที่แปลกประหลาด
อย่างที่อเมริกาถามไปเขาก็สอนประวัติศาสตร์บ้านเมืองเขา ที่ไหนประเทศไหน เขาก็สอน แต่ประเทศไทยไม่มี ไม่ทราบว่าแผ่นดินนี้ รอดไปอยู่จนบัดนี้เพราะใคร หรือว่ายังไงกัน อันนี้น่าตกใจ ชาวต่างประเทศยังไม่ค่อยทราบว่า นักเรียนไทยไม่มีการสอนประวัติศาสตร์ชาติเลย
ตอนนี้รู้สึกว่าสิ่งที่อยากพูด อยากคุยอวดก็หมดแค่นั้นเองแล้วค่ะ พิมพ์ไว้ปึกโตเลยตอนนี้หมดแล้วค่ะ ก็ชื่นใจ ขอบพระคุณทุกท่านมากที่อุตส่าห์อดทนนั่ง แล้วฟังข้าพเจ้าคุยเป็นคุ้งเป็นแคว และคุยไปพลาง แล้วก็ยังขอนายกรัฐมนตรีนั่น ขอทำนั่นทำนี่ ก็ขอบพระคุณมากค่ะ
จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จ ฯ กลับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เผยเคล็ดลับ ผิวสวยอ่อนกว่าวัย

เป็นผู้หญิงทั้งทีใครล่ะไม่อยากมีผิวสวยนวลเนียนน่าสัมผัส แต่ครั้นจะหันไปพึ่งครีมดีๆ หรือกินอาหารเสริม ก็ดูเหมือนจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อีกทั้งยังทำให้เงินในกระเป๋าหมดเร็วอีกด้วย ถ้างั้นลองมาดูสิ่งดีๆ ที่ WP นำมาฝากกันดีมั้ย รับรองว่าทำตามได้ง่าย สะดวก ไม่แพง และได้ผลดีชงัดอีกด้วย ฮั่นแน่! ชักอยากรู้แล้วล่ะสิ ก็แค่การเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อผิวของเรายังไงล่ะ ซึ่งอาหารผิวที่ว่านี้ก็คือ กรดไขมันจำเป็
กรดไขมันจำเป็นที่ช่วยให้ผิวและผมของเราสวยเป็นเงางามจะมีอยู่ด้วยกันสองประเภท คือโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งกรดไขมันจำเป็นนี้ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เองจะต้องรับเข้ามาจากอาหารที่กินเข้าไป ในแต่ละวันคุณควรรับกรดไขมันจำเป็นเข้าไปประมาณ 15% ของแคลอรี่ทั้งหมด ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณได้รับกรดไขมันจำเป็นได้อีกทางหนึ่งก็คือ การใช้น้ำมันงาหรือน้ำมันถั่วเหลืองประกอบอาหาร แต่ที่สำคัญคุณควรลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว และไขมันที่ผ่านกระบวนการด้วยนะ เพราะไขมันเหล่านี้จะไปหยุดยั้งประสิทธิภาพในการทำงานของกรดไขมันจำเป็นค่ะ
Best Sources: ในสัตว์พบในปลาซาร์ดีน ทูน่า และแซลมอน ส่วนพืชพบในถั่ว เมล็ดพืช ถั่วเหลือง ไข่ และกุ้งนาง
สารแอนตี้ออกซิแดนท์
ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องร่างกายจากการคุกคามของโรคร้ายต่างๆ อย่างโรคหัวใจและมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินเอ ซี อี วิตามินบีเชิงซ้อนบางชนิด ซีลีเนียม แมงกานีส สังกะสี และเอนไซม์บางตัว ยังมีบทบาทหลักในการทำลายอนุมูลอิสระที่จะเข้าไปจู่โจมคอลลาเจนในผิวของเราอีกด้วย ซึ่งถ้าหากคุณทำหยิ่งไม่ช่วยปกป้องเจ้าคอลลาเจนนี้ ผิวของคุณก็จะแห้ง เหี่ยว กร้าน และขาดความยืดหยุ่นได้ค่ะ
Best Sources: ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อย่างสตรอเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ บร็อกโคลี แครอท มะละกอ และมะเขือเทศ
วิตามินเอ
มีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเซลล์ผิวหนังและช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพตาและผมอีกด้วย หากร่างกายได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอ ผิวจะแห้งกร้านและเป็นขุย
Best Sources: นม เนย ตับ น้ำมันปลา และไข่ วิตามินอี หนึ่งในสารแอนตี้ออกซิแดนท์เมื่อทำงานร่วมกับซีลีเนียมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย สีผิวซีดจาง และเป็นสิวBest Sources: น้ำมันพืช ถั่ว และเมล็ดธัญพืช เนยถั่ว ธัญพืช อะโวคาโด และมันเทศ
เบต้าแคโรทีน
เป็นรูปหนึ่งของวิตามินเอที่พบในพืชที่ร่างกายสามารถดัดแปลงเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแก่เกินวัยอันมีสาเหตุเนื่องมาจากถูกแสงแดดทำลาย Best Sources: ผักสีเขียวเข้มอย่างผักขม บร็อกโคลี ส้ม มะม่วง มันเทศ ฟักทอง มะเขือเทศ และแอพริคอท
ซีลีเนียม ป้องกันเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน เมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอีจะช่วยให้การทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Best Sources: เนื้อสัตว์ อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ชีส ไข่ เห็ด ถั่ว และธัญพืช
วิตามินบีเชิงซ้อน
วิตามินบีช่วยนำพลังงานจากอาหารมาให้กับกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของผิวหนัง ทำให้ผิวชุ่มชื้นและเนียนสวย
Best Sources: นม ไขมันปลา เนื้อหมู เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ไข่ กล้วย ถั่วเหลือง ธัญพืช และเนยถั่ว



วิตามินซีจัดเป็นหนึ่งในสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มีความจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ช่วยไม่ให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เมื่อรู้คุณสมบัติอย่างนี้แล้ว ไหนเรามาลองเดากันเล่นๆ ดูซิคะว่า เมนูข้างล่างนี้อันไหนนะมีวิตามินซีมากที่สุด

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (167 มิลลิกรัม)

สตรอเบอร์รี่ (97 มิลลิกรัม)

มะนาว (41 มิลลิกรัม)

มะเฟือง (33 มิลลิกรัม)



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีสุข ในยุคเศรษฐกิจฝืด




ถึงเศรษฐกิจจะตกสะเก็ด แต่ชีวิตก็มีความสุขได้ ถ้ารู้จักคิดบวกเพื่อชีวิตบวก!! ในงานเสวนาธรรมเรื่อง "ศิลป์และธรรม สุนทรียะแห่งชีวิต" (คิดบวก...ชีวิตบวก) โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ที่ดับเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ให้แง่คิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างให้มีสุข โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดดีทำดี
"ท่าน ว.วชิรเมธี" เปิดฉากการเสวนาว่า สิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลา คือ ความคิด ชีวิตของคนเราเป็นเงาสะท้อนของความคิด เราคิดอะไร ชีวิตเราก็จะปรากฏมาอย่างนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรามีทั้งดีและไม่ดี แต่มันอยู่ที่แนวความคิดของเราว่า เราจะเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มาทำให้เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไร เวลาเจองานหนักให้บอกกับตัวเองว่า นี่คือโอกาสกับตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่ทำให้เกิดทักษะในการดำรงชีวิต การคิดบวกจะได้ผลหรือไม่ได้ผลต้องดูว่า มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเราหรือไม่ ซึ่งประโยคนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" ขยายความว่าการคิดบวกมี 2 ลักษณะ คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับความคิดอย่างเดียว คือ คิดบวกแล้วทำให้ชื่นอกชื่นใจ ทำให้ได้ปัญญา หรือคิดบวกแล้ว ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงจริงๆ เช่น ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างนี้ เราต้องคิดบวก คือ คิดที่จะอยู่ให้ได้จะไปประท้วงให้น้ำมันลดลงได้หรือไม่ คำตอบคือ คงไม่ได้ ในเมื่อลดไม่ได้ฉันจะลดเอง คือ ลดความต้องการบริโภคให้น้อยลง
ที่เราทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้เพราะบริโภคมาก และมีเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทุกข์ คือ "โรคจมไม่ลง" คือ เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมหาเศรษฐีโลกทั้งหลาย ไปไหนต้องนั่งรถราคาแพงๆ คำใช้จ่ายก็สูงขึ้น แต่เราจมไม่ลง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังแย่ เราก็จ่ายแพงขึ้นเพื่อประคับประคองตัวฉันให้โดดเด่นอยู่ในวงสังคม สุดท้ายไม่ใช่แค่จมไม่ลง มันล้มเลย


หากจะอยู่ให้รอดในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" บอกว่า ต้องเปลี่ยนวิธีบริโภคจากที่เคยตามใจตัวเอง มาเป็นบริโภคตามความจำเป็น ถ้าวิ่งตามความอยาก ไม่ว่าวันไหนๆ เราก็จะทุกข์ เพราะความอยากไม่เคยมีขีดจำกัด กินเท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ต้องจ่ายแพงเพื่อรักษาหน้าตา ทำตัวเป็นคนธรรมดาๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินรักษาภาพพจน์ และจะมีความสุขได้ แม้ในยุคข้าวยากหมากแพง
ข้อมูลจาก ไทยรัฐ

ไตวาย


ไตวายเฉียบพลัน

เมื่อหลายวันก่อนผมอยู่เวรห้องฉุกเฉิน ก็มีคนพาผู้ป่วยสูงอายุมาที่โรงพยาบาลด้วยเรื่องเรียกไม่รู้สึกตัว หลังจากตรวจร่างกายทั่วไปในเบื้องต้นก็พบว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวเพียงเล็กน้อย ง่วงๆหลับๆตลอดเวลา เวลาจับไปที่มือและเท้ารู้สึกว่าเย็นๆแต่ตามซอกคอตัวร้อนจี๋เมื่อถามประวัติจากญาติไม่ได้อะไรเพิ่มเติมก็เลยลองจับวัดไข้วัดความดัน ก็เจอว่าความดันโลหิตต่ำมีไข้สูง และพบว่าปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก เมื่อตรวจทุกอย่างเสร็จสรรพ ผมก็บอกกับญาติว่าผู้ป่วยมีอาการของการติดเชื้อในกระแสเลือดและน่าจะเป็นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ หลังจากนั้นเมื่อผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล ก็ตรวจพบว่ามีปัสสาวะออกน้อย ร่วมกับตรวจพบลักษณะของน้ำเกินอยู่ในร่างกาย(มีน้ำท่วมปอด) ...
วันรุ่งขึ้นผลเลือดที่ออกมาก็ชี้ให้เห็นว่าไตของผู้ป่วยทำงานได้น้อยลง ..... หรือที่เรียกกันว่า "ไตวาย" ผมจึงได้พูดคุยกับญาติถึงโรคที่ผู้ป่วยกำลังเผชิญอยู่และความรุนแรงของโรคในขณะนั้น
ไต เป็นอวัยวะที่อยู่ตรงระดับบั้นเอวทั้งสองข้าง หน้าที่ก็อย่างที่เรารู้ๆกันก็คือ
- ทำหน้าที่ขับถ่ายน้ำออกจากร่างกาย
- ขับถ่ายสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกจากร่างกาย
- ปรับระดับของสมดุลของสารต่างๆในร่างกาย ซึ่งหากมีมีมากหรือน้อยไปจะส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ปลีกย่อยอีกหลายอย่างที่อาจจะไม่ได้เห็นชัดเจนในช่วงที่เกิดอาการแบบเฉียบพลัน ซึ่งหน้าที่ต่างๆของไตเหล่านี้จะอธิบายถึงอาการที่จะตามมาเมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันขึ้นมา
เฉียบพลันกับเรื้อรัง ต่างกันที่ตรงไหน ส่วนมากคนทั่วไปจะมองเรื่องไตวายว่าเป็นไตวาย โดยที่ไม่ได้แยกว่าเป็นไตวายแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ซึ่งถือเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะว่าทั้งสองส่วนนี้มีความแตกต่างกันทั้งจากสาเหตุและการรักษาไตวายเรื้อรัง มักเกิดจากโรคที่มีผลต่อเส้นเลือดเป็นเวลานานๆ เช่นเบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูงหรือโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อไตอย่างช้าๆ มีผลทีละน้อยจนกระทั่งไตค่อยๆเสียหาย กว่าจะเกิดได้ต้องกินเวลานานเป็นปีๆ ดังนั้นร่างกายจะเกิดอาการได้ก็ต้องเกิดช้าๆ กว่าจะมีอาการก็มักจะมีภาวะไตวายไปมากแล้วไตวายเฉียบพลัน มักเกิดกับโรคที่ส่งผลต่ออวัยวะที่เกี่ยวข้องกับไตโดยตรง การเกิดเหตุมักเป็นเหตุที่เกิดอย่างเฉียบพลันและรุนแรง ทันทีทันใด ดังนั้นร่างกายจะปรับตัวได้ไม่ทัน อาการจะเป็นอย่างเฉียบพลันรุนแรงไตวายเรื้อรัง เวลาเป็นแล้วมักจะหาย จะมีแตคงที่หรือถดถอยไตวายเฉียบพลัน โดยมากมักเป็นอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อแก้ปัญหาได้ก็มักจะหายเกือบเป็นปกติเหมือนไม่เคยเกิดอะไรมาก่อนดังนั้นความรุนแรงน่ากลัวจึงต่างกันไปครับ
สาเหตุ
สาเหตุที่ก่อให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้เป็นสิ่งที่เกิดแบบรุนแรงเฉียบพลัน
1. เลือดไม่ไปเลี้ยงไต ที่เจอได้บ่อยที่สุดก็คือ ความดันโลหิตต่ำมาก ...
ซึ่งในทางการแพทย์จะเรียกว่าช็อค (คนละแบบกับช็อคในละครหลังข่าว)เมื่อความดันต่ำมากจากเหตุใดๆก็ตาม ไตจะหยุดทำงานชั่วคราวเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมอง ถ้าเป็นเพียงชั่วคราวจะไม่เป็นอะไร แต่หากภาวะนั้นไม่ได้รับการแก้ไข ไตที่หยุดทำงานไปจะเกิดการหยุดทำงานนานกว่าปกติแม้ว่าร่างกายจะมีความดันเป็นปกติแล้วก็ตาม ......
ผู้ป่วยที่จะเป็นแบบนี้ได้ที่พบบ่อยคือ ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เสียเลือดมาก แพ้อาหารแพ้ยาอย่างรุนแรง ท้องเสียและขาดน้ำเป็นเวลานานฯลฯ
2. เกิดความผิดปกติที่ตัวไตโดยตรง ที่เจอได้บ่อยๆคือร่างกายได้รับสารพิษหรือสารเคมีที่มีผลต่อไตเข้าไป , และในกรณีที่มีการติดเชื้อที่ไตอย่างรุนแรง ทำให้ไตผิดปกติโดยตรง
3. การขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ มีการอุดตันที่ปลายทางออก เช่นมีนิ่วไปอุดท่อปัสสาวะ มีต่อมลูกหมากโตจนปัสสาวะไม่ออกแบบเฉียบพลัน
เวลาเป็นแล้วจะรู้ได้อย่างไร
คำตอบห้วนๆคือเจาะเลือดครับ เพราะว่าการเจาะเลือดเพื่อดูค่าการทำงานของไตและดูระดับสารที่คั่งเป็นตัวที่จะบอกได้ชัดเจนที่สุด โดยทั้งนี้ผลเลือดที่ออกมาจำเป็นจะต้องประกอบไปกับประวัติที่แพทย์ซักได้ร่วมกับการตรวจร่างกายที่ตรวจพบ ...
คนที่สมควรได้รับการเจาะตรวจค่าการทำงานของไตในเรื่องนี้ได้แก่
- คนที่มีภาวะช็อคหรือความดันต่ำ
- คนที่จำเป็นต้องได้รับยาหรือสารที่มีความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อไต
- คนที่มีโรคทางเดินปัสสาวะที่เห็นชัดว่าเสี่ยงที่จะเกิดไตวาย
- คนที่ตรวจพบ หรือซักประวัติแล้วสงสัยว่าจะมีภาวะน้ำเกินในร่างกายหากตรวจแล้วพบว่ามีหรือไม่มีภาวะไตวายก็ตาม
แพทย์ก็จะพิจารณาตามประวัติอาการและการตรวจร่างกายว่าจะทำการตรวจซ้ำอีกหรือไม่ เพราะว่าบ่อยครั้งการตรวจในชั้นแรกอาจจะปกติและต่อมาไปพบว่าผิดปกติในภายหลังก็ได้
อาการที่จะเกิดขึ้น
อาการของไตหยุดทำงานเฉียบพลันนี้จะเป็นไปตามหน้าที่การทำงานของมัน นั่นคือ เมื่อเสียการทำงานของไตไป ในร่างกายก็จะเกิดการคั่งค้างของสารต่างๆและน้ำขึ้น จะส่งผลทำให้เกิดการบวมที่อวัยวะที่อยู่ต่ำๆ เกิดอาการนอนราบไม่ได้ มีอาการเหนื่อยเพลียจริงๆแล้วอาการพวกนี้คนทั่วไปอาจจะไม่จำเป็นต้องทราบก็ได้ครับ เพราะว่าอาการพวกนี้เวลาเป็นจะเป็นมากมายและรวดเร็วเสียจนไม่ต้องสังเกตอาการอะไรก็ต้องรีบไปโรงพยาบาล ...
(เอาเป็นว่าหากเกิดอาการขึ้นมา ไปให้แพทย์ตรวจเลยจะดีกว่าเพราะว่าตัวบวมเหนื่อยเพลียนอนราบไม่ได้ ก็ไม่ได้มีแต่ไตวาย)นอกจากนี้สาเหตุของไตวายบางตัวก็จะมีอาการรุนแรงจนต้องรีบไปโรงพยาบาลก่อนที่จะมีอาการของไตวาย (เช่นเสียเลือดมาก ไข้สูงจนช็อค)ดังนั้นข้ามๆอาการไปเลยก็ได้
การดูแลรักษา
การดูแลรักษาไตวายเฉียบพลันที่ทำกัน ก็คือยึดหลักง่ายๆว่า ไตไม่ทำงาน ทำให้น้ำและของเสียคั่งในร่างกายจนเกิดอาการผิดปกติ ดังนั้นการรักษาก็คือ จำกัดน้ำที่จะเข้าร่างกายให้เท่ากับที่น้ำที่เสียออกไปและลดของเสียที่จะเกิดในร่างกายให้น้อยที่สุด ฟังเผินๆดูง่ายแต่จริงๆยากนะครับ เพราะว่าของเสียที่เกิดขึ้นในร่างกายมีมากมายเป็นหลายร้อยชนิด นอกจากนี้สาเหตุของโรคที่ไปทำให้เกิดไตวายบางตัวก็ต้องใช้ยาในการรักษา (ยาที่ใช้รักษาบางตัวก็มีผลต่อไต)
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดตามมาในการรักษาก็คือ
- จำกัดน้ำดื่ม และทำการตวงปัสสาวะทุกครั้งที่ถ่ายออกมมา
- เจาะเลือดตรวจหาการคั่งค้างของสารและตรวจการทำงานของไต ...บางทีอาจจะเจาะวันละครั้งหรือมากกว่านั้น
- รักษาสาเหตุ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามผู้ป่วยแต่ละรายการรักษาในส่วนปลีกย่อยจะต่างกันไปในไตวายเฉียบพลันของผู้ป่วยแต่ละราย เช่นในบางรายเราอาจจะเห็นว่าให้น้ำเกลือเร็วช้าไม่เท่ากัน บางรายไม่ได้ให้น้ำเกลือด้วยซ้ำ ... ยาที่ใช้อาจจะไม่เหมือนกัน ... สิ่งที่จะผู้ป่วยและญาติจะช่วยได้พอสมควรคือการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดในการดูแลร่างกายในช่วงที่ยังไม่หายดีครับ
- ต้องตวงปัสสาวะ ต้องควบคุมการกินน้ำและอาหารตามที่สั่งเท่านั้น อาหารที่จะกินได้ในช่วงนี้ควรจะใช้อาหารของโรงพยาบาลโดยงดการกินของเยี่ยมทั้งหลายจนกว่าแพทย์จะอนุญาต
- หลีกเลี่ยงการรักษาด้วยการรักษาแบบความเชื่อ (เช่นบางรายปรับน้ำเกลือเอง ไม่ยอมให้พยาบาลปรับ , บางรายเอาสมุนไพรมาต้มกินเองในรพ.) นอกจากว่าแพทย์จะอนุญาตในกลุ่มไตวายเฉียบพลันนี้เมื่อรักษาหายแล้วมักจะไม่มีอะไรตามมาครับ โดยมากมักจะหายไปเป็นปกติ ไม่ได้ต้องการการรักษาแบบยาวนานดังเช่นไตวายเรื้อรัง
สำหรับผู้ป่วยในเรื่อง หลังจากรักษาการติดเชื้อได้ก็ได้ให้กลับบ้านไปและนัดมาตรวจการทำงานของไตเป็นระยะ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการติดตามผลอยู่ครับ

หมอแมว http://www.mthai.com/