ยินดีต้อนรับ..ทุกคนที่แวะมาพักสายตาที่นี่ค่ะ...

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้อห้ามสำหรับคนอยากผอม

....ใครที่รู้ตัวว่าอ้วน และกำลังอยากจะลดความอ้วน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีข้อห้ามสำหรับคนที่อยากจะผอมมาบอก...

ห้ามอด การที่อดอาหารไปบางมื้อ จะทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายทำงานได้ช้าลง ยิ่งทำให้อัตราการเผาผลาญไขมันทำได้น้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะมื้อเย็นบางคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องกิน กินได้แต่ควรกินเป็นพวกผักและผลไม้มากกว่า หากไม่กินอะไรเลย จะทำให้นอนไม่หลับและรู้สึกหิวตอนดึก บางทีตื่นเช้าขึ้นมาอาจทำให้เพลียและไม่สดใสสำหรับวันใหม่

ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพยายามหาเหตุผลมาผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าอยากหุ่นดี ก็ควรเริ่มลงมือทันทีแต่ก็ไม่ต้องถึงกับยอมหักดิบ ค่อยเป็น ค่อยไป และไม่ควรใจอ่อนกับตัวเอง สักวันหนึ่งก็จะผอมได้ดังใจหวัง

ห้ามใจร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป พยายามลดลงเรื่อยๆ อย่ารีบร้อน คิดว่าภายใน 2 อาทิตย์จะลดให้ได้ 5 กก. หากทำไม่ได้ก็จะเสียความรู้สึกและมีผลต่อสภาพจิตใจ ดังนั้นควรที่จะทำเรื่อยๆ เป็นประจำ

ห้ามขี้เกียจ ถ้าอยากที่จะมีหุ่นสวยเพรียว ก็อย่าขี้เกียจ พยายามขยับแข้งขยับขาเสียบ้าง หรือพยายามเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้เกิดการตื่นตัว จะได้เผาผลาญไขมันในร่างกายที่เป็นส่วนเกินในตัวให้ออกไป แล้วจะได้หุ่นที่สวยเพรียว


ห้ามแตะน้ำอัดลม เครื่องดื่ม รสซ่า เต็มฟอง เย็นเจี๊ยบสักกระป๋อง เครื่องดื่มประเภทนี้มีแคลอรี่สูงมาก ซ้ำร้ายยังเป็นภัยเงียบที่กัดกร่อนความแข็งแกร่งของกระดูกลงทุกวัน ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นสาวกระดูกพรุนในวันข้างหน้าได้ ควรที่จะหันมาดื่มน้ำเปล่าหรือถ้าเป็นไปได้ก็เป็นน้ำอุ่นจะดีมาก เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยละลายไขมันด้วย

ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน ควรหาทางออกด้วยการฟังเพลง เดินเล่น ดูหนัง พูดคุยกับใครสักคนที่รักเราหรือเพื่อน ดีกว่าการหันหน้าพึ่งพาขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน หรือไอศกรีม ซึ่งอาจช่วยบำบัดอารมณ์ได้เพียงชั่ววูบ และก็ทำให้อ้วนแบบไม่รู้ตัว

ห้ามตามใจปาก ถ้าอยากคุมน้ำหนักตัวให้อยู่หมัดจริงๆ อย่าได้เผลอตามใจปากบ่อยนัก ควรคิดก่อนกินเสมอ อะไรที่ควรกิน อะไรที่กินได้ แต่อย่าบ่อยนัก อะไรที่ควรเลี่ยงไปเลย โดยเฉพาะอาหารพวกที่มีมันเนยหรือทำจากกะทิ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบทานขนมหวานและไอศกรีมมาก หากเลี่ยงได้ก็ควรทำ เพื่อหุ่นสวยเพรียวบาง


.......เพียงเท่านี้ ถ้าปฏิบัติตามได้ รับรองว่าจะได้มีหุ่นสวยเพรียวบางอย่างแน่นอน........

วิธีสร้างสมาธิในการทำงาน

สมาธิเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในการทำงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาก็ต้องมีสมาธิในการเรียน คนขับแท็กซี่ก็ต้องมีสมาธิในการขับรถ หมอก็ต้องมีสมาธิในการตรวจคนไข้ รวมถึงพวกเราหนุ่มๆ ออฟฟิศทั้งหลายก็ต้องใช้สมาธิในการทำงานด้วย เพราะสมาธิจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ใครที่รู้ตัวว่า ไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานลองมาฝึกสมาธิไปพร้อมๆ กันดีกว่า

อย่างแรกลองฝึกขั้นง่ายๆ กันก่อน นั้นก็คือการอ่านหนังสือค่ะ หลายคนคงจะงง เพราะตอนนี้คุณก็กำลังอ่านอยู่ อ่านหนังสือจะฝึกสมาธิได้อย่างไร การอ่านหนังสือที่แนะนำไม่ใช่การอ่านแบบกวาดสายตาผ่านๆไปแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เป็นการอ่านที่คุณห้ามละสายตาจากตัวอักษรนั้นๆ เลย เรียกว่าอ่านแบบพยายามหาว่ามันมีตัวไหนที่เขาเขียนผิดหรือเปล่า ค่อยๆ อ่านค่ะ ไม่ต้องรีบ แรกๆ ลองตั้งเวลาสัก 5 นาทีก่อน ถ้าคุณทำได้โดยที่คุณไม่ละสายตาไปสนใจสิ่งรอบข้าง ครั้งต่อไปคุณก็เพิ่มเวลาเป็น 10 นาที 15 นาที แล้วคุณจะมีสมาธิกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มากขึ้น

ขั้นต่อมา ลองตั้งใจฟังบ้างค่ะ เพราะหลายๆ คน บางครั้งเจ้านายสั่งอย่างแต่เรากลับไปทำอีกอย่าง ของแบบนี้มันก็ต้องมีผิดพลาดกันได้บ้าง แต่คุณควรจะแก้ไขโดยฝึกสมาธิในการรับฟังครับ โดยเริ่มจากการฟังเทปบันทึกเสียงหรือคำสอนต่างๆ ที่ไม่ใช่เพลง เพราะถ้าเป็นเพลงคุณอาจจะเพลิดเพลินกันจนไม่ได้จับใจความสำคัญ ฝึกไปเรื่อยๆ เลยค่ะ จนคุณแทบจะจำทุกคำพูดในเทปนั้นได้คราวนี้จะได้มีสมาธิในการฟัง

อีกขั้นตอนหนึ่ง ลองลงมือจัดเอกสารต่างๆ ของคุณให้มันเป็นที่เป็นทางก็นับเป็นการฝึกสมาธิให้คุณได้ เพราะขณะที่คุณจัดเอกสารอยู่ คุณก็ต้องนึกว่าเอกสารฉบับนี้เราวางไว้ตรงนี้ ฉบับนั้นเราวางไว้ในตู้ อะไรทำนองนี้ เรียกว่าเป็นการย้ำความจำของเราอีกที แถมพอคราวหน้าเรามาหาเอกสารฉบับนั้นๆ ก็จะได้ไม่ต้องรื้อโต๊ะกันให้วุ่นอีกด้วย

ต่อมาลองจัดลำดับความสำคัญของงานดูว่างานไหนสำคัญที่สุด ถ้าคุณยังนึกไม่ออก ก็ลองนึกดูว่างานชิ้นไหนของคุณทำแล้ว คนอื่นๆ สามารถรับงานต่อจากคุณได้ หรือเป็นงานเร่งจริงๆ ถ้าไม่ได้ภายในชั่วโมงนี้หรือวันนี้ คนอื่นจะได้รับความเดือดร้อน นั้นแหละครับ รีบทำไปก่อนเลย คราวนี้คุณก็ไล่งานอื่นๆดูว่าต้องอันไหนต่อ เป็นการทวนตัวเองด้วยว่าวันนี้คุณมีงานอะไรต้องทำบ้าง

ข้อสุดท้ายครับ ทัศนคติกับงานที่คุณทำอยู่ถ้าใครมีทัศนคติไม่ดีกับงานที่ตัวเองทำอยู่ ต่อให้เทพก็ไม่สามารถที่จะมีสมาธิในการทำงานได้ เพราะคุณจะหาแต่ข้ออ้างมาปฏิเสธงานต่างๆ ที่เข้ามา เพราะฉะนั้นคุณควรปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ เพื่อการทำงานที่ราบรื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเป็นตัวคุณเอง ที่ต้องฝึกทั้งสมาธิ ฝึกทั้งการควบคุมอารมณ์ของตนเอง เมื่อจิตใจสงบ มีสมาธิสติในการทำงานก็จะตามมา งานของคุณก็จะผิดพลาดน้อยลงค่ะ