ยินดีต้อนรับ..ทุกคนที่แวะมาพักสายตาที่นี่ค่ะ...

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตาด้วยการบำรุงรักษากันดีกว่า

1. ล้างครีมรอบดวงตาทุกวันเนื้อครีมที่เกาะกันเป็นก้อนแข็งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลุดเข้าไปในดวงตาเป็นประจำก็จะไปขูดให้กระจกตาถลอกได้ สาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันจึงต้องอย่าลืมล้างครีมและมาสคาร่าที่ป้ายไว้ออกให้หมด สวยแล้วต้องรักษาความสะอาดด้วยถึงจะเพอร์เฟ็คท์
2. กินหอมใหญ่สีแดงเทียบกันแล้ว หอมใหญ่สีแดงมีสารเกอร์เซตินซึ่งต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าหอมสีขาวเยอะเลย และสารอาหารตัวนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้ต้อกระจกไม่มาราวีดวงตาสวยๆ ของคุณ
3. เหนื่อยนักพักสายตาบ้างดวงตาก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่รู้จักปวดเมื่อยอ่อนล้าเหมือนกัน การใช้สายตาโดยไม่พักเลยจะทำให้สมรรถภาพของสายตาแย่ลง ฉะนั้นทุกๆ 30 นาที ควรให้สายตาได้พักบ้างสัก 30 วินาที
4. สวมแว่นกันแดดการสวมแว่นก็เพื่อป้องกันรังสียูวีจาแสงแดดมาทำลายดวงตา โดยเฉพาะเวลานั่งในรถหรือเวลาอยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้สีของแว่นก็สำคัญ แว่นสีแฟชั่นพวกสีส้ม แดง เหลือง จะทำให้ประสาทตาต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าใส่เป็นสีฟ้าหรือสีเทาจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้พักมากกว่า
5. กินผักโขมอาทิตย์ละ 2 ครั้งผักโขมอุดมไปด้วยสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา นั่นคือสารลูเทอิน ซึ่งานวิจัยบอกว่าช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ดีมากๆ
6. ตรวจความดันเป็นประจำโรคความดันโลหิตไม่ได้ทำให้สุขภาพแย่อย่างเดียว ยังทำให้สุขภาพตาเสียไปด้วย เพราะความดันที่สูงกว่าปกติจะทำลายหลอดเลือดในดวงตา ฉะนั้นอย่ามองข้ามการตรวจความดันเป็นอันขาด ผลร้ายมีมากกว่าที่คุณคิด
7. เหยาะน้ำมันกันสักนิดน้ำมันที่ว่านี้คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นมะลิ เปปเปอร์มิ้นต์ วานิลลา จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิและมองเห็นได้ชัดเจน วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่เหยาะน้ำมันกลิ่นที่คุณชอบลงไปที่ท้องแขนสัก 2-3 หยด หรือจะหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้สูดดมให้ชื่นใจก็ดูคุณหนูไม่เบา
8. กินมันเทศบ่อยๆ เนื้อมันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยเรื่องบำรุงสายตาโดยตรง ทำให้เห็นในที่มืดได้ดีขึ้น
9. ปรับจอคอมพิวเตอร์ลงอีกหน่อยแสงจ้าผสมรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาแห้ง แต่วิธีแก้ปัญหาเล่นไม่ยาก แค่ปรับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าสายตานิดหน่อย เพื่อที่เวลาเรามอง เปลือกตาบนจะได้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเรากำลังหยีตาเวลาเจอแดด เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในดวงตาระเหยออกไป
10. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกันเพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่า ตาสวยๆ ของหวานใจจะมีเชื้ออะไรแอบอยู่บ้าง ถ้าเราเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรคมาเช็ดตาก็อาจจะติดเชื้อตาแดงมาจากสุดที่รักก็ได้ แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของคุณเองก็ควรจะเปลี่ยนเอาไปซักบ่อยๆ เช่นกัน
11. หยุดใช้เกลือ ความเค็มจัดของเกลือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคต้อกระจกเร็วขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากใช้เกลือมาใส่น้ำปลาหรือเครื่องเทศที่มีรสเค็มแทน จะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ หรืออย่างน้อยก็ควรจะเลือกอาหารที่บนฉลากเขียนว่า "เกลือโซเดียมต่ำ" หรือ "ปราศจากเกลือ"
12. ปรับแอร์ออกจากตัวเวลานั่งรถ สาวๆ ควรจะปรับช่องแอร์ให้เบนออกห่างจากตัว อย่าให้แอร์เป่าใส่หน้าตรงๆ เพราะจะทำให้ตาแห้ง และในช่องแอร์ยังอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่ การไม่ส่องแอร์เข้าหาตัวจึงเป็นวิธีปลอดภัยทั้งดวงตาและต่อสุขภาพด้วย

ที่มาจาก spicy

ติดเชื้อเพราะเล็บปลอม




องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกประกาศเตือนผู้หญิงให้หลีกเลี่ยงการติดเล็บปลอม เนื่องจากเป็นสาเหตุให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค อาจเกิดเชื้อราและแบคทีเรียระหว่างชั้นเล็บ

หากติดเชื้อแบคทีเรียจะรู้สึกปวดบริเวณเล็บ มีผื่นแดงระคายเคือง และฝีหนองทั้งในเล็บและรอบๆ เล็บ ส่วนการติดเชื้อราที่เล็บจะไม่มีอาการคันหรือเจ็บ แต่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสีขาวขุ่นใต้เล็บลุกลามจากปลายไปสู่โคนเล็บ หากแผ่นแข็งหนามากจะทำให้เล็บที่ขึ้นใหม่ขรุขระและไม่ติดกับผิวจนกระทั่งเล็บหลุด

เมื่อมีอาการติดเชื้อควรถอดเล็บปลอมออกแล้วทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่เวลาอาบน้ำ หากยังไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งอาทิตย์ควรปรึกษาแพทย์




สปาผิวหน้า สูตรแอปเปิ้ล


ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ทำให้ผิวหน้าของคุณสดใส เหมาะกับคนที่ผิวแห้งและถูกแดด ลมมากๆ

ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาดหมดจด ปอกเปลือกแล้วนำแอปเปิ้ลมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมาใส่ถ้วยที่เตรียมเอาไว้ ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือหมวกคลุมผมเวลาอาบน้ำคลุมผมของคุณเสียก่อน ล้างหน้าให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำอุ่น เช็ดหน้าให้แห้ง นำแอปเปิ้ลที่ปั่นเรียบร้อยแล้วมาพอกให้ทั่วใบหน้ายกเว้นตรงบริเวณรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่อีกครั้งหนึ่ง ควรทำเช่นนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ที่มาจาก http://202.129.59.150/prapathai/nana/spa/face_apple.htm

กินผักและผลไม้ถูกวิธี



ใครที่ชอบกินผักและผลไม้ ถ้าหากกินไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้ได้รับประโยชน์หรือสารอาหารต่าง ๆ น้อยกว่าที่ควร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก...
แก้วมังกร : ผลไม้ชนิดนี้กินได้เพลินๆ แต่ถ้ากลืนโดยไม่ได้เคี้ยวเมล็ดเล็กๆ สีดำให้แตกซะก่อน อาจพลาดสิ่งดีๆ ไป เพราะในเมล็ดของแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ รวมทั้งวิตามินอี การเคี้ยวให้แตกจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้

ส้ม : ส้มเป็นผลไม้ที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยจะมีมากในเยื่อบุผิวและเนื้อเยื่อส่วนใน ดังนั้น เวลากินส้มจึงไม่ควรลอกเยื่อบุผิวขาวๆ ออก และควรกินเนื้อส้มเข้าไปด้วย ช่วยเพิ่มกาก ใย อาหารอีกต่างหาก

ฝรั่ง : เวลากินฝรั่งหลายคนจะทิ้งเมล็ดแล้วกินแต่เนื้อเพราะมีความเชื่อว่าการกินเมล็ดฝรั่งจะทำให้เป็นโรคไส้ติ่ง ทั้งๆ ที่เมล็ดฝรั่งมีความหวานหอมและเป็นกากใยอาหารที่ดีเยี่ยม จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเมล็ดอะไรหรืออาหารอะไร หากสามารถเข้าไปในไส้ติ่งได้ก็ทำให้เป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้อง เป็น เมล็ดฝรั่งอย่างเดียว
แครอท : ผักสีส้มที่กินแล้วผิวสวยเพราะได้ชื่อว่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูง แต่จะได้ประโยชน์มากขึ้นหากปรุงด้วยความร้อนก่อนนำมากิน ความร้อนจะช่วยทำให้ผนังเซลล์ของแครอทอ่อนตัวลงร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายและดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ดีขึ้น
.............. รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดี ก็อย่าลืมหันมากินผักและผลไม้กันเยอะๆ ...............
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

การทำตา 2 ชั้น




การทำตา 2 ชั้นในประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อประมาณสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมัยนั้นการแพทย์ไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการแพทย์แผนปัจจุบัน (Modern Medicine) จึงมีแพทย์ที่ให้การบริการด้านศัลยกรรมความงามน้อยมาก


ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2500 แพทย์ไทยแผนปัจจุบันหลายท่านกลับจากการศึกษาจากประเทศยุโรปได้เริ่มให้บริการทำตา 2 ชั้นในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่น โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลภูมิพล,โรงพยาบาลจุฬาฯ และเริ่มแพร่หลายไปสู่สถานพยาบาลต่างๆ มากมายหลากหลายกรรมวิธี ซึ่งจะได้กล่าวในรายละเอียดดังต่อไปนี้


วิธีที่ 1 เป็น "วิธีเย็บ" (SUTURE) โดยใช้ไหมเส้นโตขนาดใหญ่ประมาณเบอร์ 3 ศูนย์ (ซึ่งปกติใช้เย็บในไก่ตัวผู้เพื่อทำไก่ตอน) โดยมีลูกปัด (PLASTIC BEAD) เย็บผูกรัด ตรึงไว้ 7 วัน เพื่อกดให้เกิดเป็นตา 2 ชั้น แล้วจึงตัดไหมออกจำเป็นต้องหยุดงานพักอยู่ที่บ้าน 1 สัปดาห์ วิธีนี้ทำกันมานานกว่า 30-40 ปี โดยแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่นมานานแล้ว ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เกิดตา 2 ชั้นคงทนอยู่เพียงชั่วคราว 1-3 ปี ชั้นก็จะหลุดหมดในภายหลัง


วิธีที่ 2 เป็น "วิธีตัดและเย็บ" (EXCISION AND SUTURE) โดยการกรีดหนังตาบนแล้วตัดหนังออกเป็นแผ่นแถบยาวๆ หลังจากนั้นจึงทำการเย็บหนังตาให้ติดกับเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อตา (LEVATOR PALPEBRAE MUSCLE FASCIA) โดยเย็บข้างละ 10-20 เข็ม และตัดไหมเมื่อครบ 5-7 วัน วิธีนี้แพร่หลายในยุโรป และสหรัฐอเมริกา แต่มีข้อเสียคือ แผลเป็นยาวมากและบวมช้ำมาก จึงไม่เหมาะกับคนไทยหรือคนเอเชีย อีกประการหนึ่ง หากทำวิธีนี้ถ้าตัดหนังมากเกินไปเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ตาแหก ตาปลิ้นโดยง่าย หรือกลางคืนนอนหลับ แต่เปลือกตาปิดไม่สนิท อีกทั้งมีแผลเป็นยาวตั้งแต่หัวตาถึงหางตา ซึ่งจะติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่สามารถลบรอยแผลเป็นนี้ได้


วิธีที่ 3 เป็นวิธี "กรีด" หนังตาบน (INCISIONAL METHOD) ให้เป็นแผลยาว โดยไม่ได้ตัดหนังออกแล้วจึงเย็บข้างละ 10-20 เข็ม แล้วแต่ขนาดของแผล ผลลัพธ์ของวิธีนี้ก็เหมือนกับวิธีที่ 2 เพียงแต่ว่าหลับตาได้สนิทเมื่อนอนหลับ


วิธีที่ 4 วิธี "เจาะและกำจัดไขมัน" (SHORT INCISION TECHNIC AND FAT REMOVAL) วิธีนี้เหมาะสำหรับคนไทยหรือคนเอเชีย เพราะมีดวงตาขนาดเล็กและไขมันมาก มีกรรมวิธีโดยเจาะหนังตาบนยาว 4-5 มิลลิเมตร เพื่อเอาไขมันออก แล้วล็อก (LOCK) หนังตาบนกับกล้ามเนื้อและพับ (FOLDING TECHNIC) ทำให้เกิดเป็นตา 2 ชั้น วิธีนี้จะเย็บ 3-5 เข็มเท่านั้น แผลขนาดเล็กสามารถไปทำงานได้ภายใน 2-3 วัน มีการบวมช้ำน้อย หลับตาได้สนิทมีแผลเป็นน้อยมาก


วิธีที่ 5 วิธีการเจาะร่วมกับการใช้ไมโครสโคป (VERY SHORT INCISION TECHNIC WITH MICROSCOPE) กล่าวคือ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนอายุน้อย (20-40 ปี) โดยการเจาะเปลือกตาเป็นแผลเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 5 มิลลิเมตร แล้วพับหนังตาบนให้เป็นชั้น (FOLDING TECHNIC) โดยใช้ MICROSCOPE มาทำร่วมในการผ่าตัด ซึ่งกล้อง MICROSCOPE ดังกล่าวนี้นั้น หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือกล้องเจียระไนเพชรนั่นเอง จึงทำให้แผลสนิทเนียนไร้ร่องรอย ไม่บวมช้ำ และสามารถไปทำงานได้ใน 24-48 ชม. และแต่งหน้าทาแป้งเขียนอายแชโดว์ (MAKE UP) ได้ทันที จึงเหมาะสำหรับดารา นักแสดง นักธุรกิจ แอร์โอสเตส ซึ่งสามารถไปทำงานได้ภายในวันรุ่งขึ้นหรือ 24-48 ชม. บางรายไม่ต้องตัดไหม ซึ่งจะหลุดออกไปเอง หรือบางรายอาจไม่ต้องเย็บก็ได้


สำหรับท่านที่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์หรือนรลักษณ์ศาสตร์ (โหงวเฮ้ง) เกี่ยวกับดวงตานั้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้เกิดตา 2 ชั้น ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ กล่าวคือ ไม่มีรายแผลเป็นหลงเหลือที่เปลือกตาบนเมื่อหลับตา ซึ่งดีกว่าวิธีต่างๆ ข้างต้น โดยเฉพาะท่านที่มีอายุประมาณ 30 ปี (การมีแผลเป็นที่ดวงตาเป็นลักษณะต้องห้ามของนรลักษณ์ศาสตร์)


สุดท้ายนี้ ประชาชนในฐานะผู้บริโภคจึงควรศึกษาพิจารณารายละเอียดของการทำตา 2 ชั้น แต่ละวิธีของแต่ละสถานพยาบาล หรือของแพทย์แต่ละท่านว่ามีความถนัดและความสามารถวิธีใด อีกทั้งต้องพิจารณาถึงวิธีการตลาดที่ใช้ระบบโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยมิได้ให้รายละเอียดใดๆ เลยแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะปัญหาแผลเป็น โรคแทรกซ้อน เช่น นอนหลับตาไม่สนิท ระยะเวลาในการรักษาแผลให้หายสนิทจนกว่าไปทำงานได้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายของการทำตา 2 ชั้น แต่ละวิธีการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปตามแต่ละวิธี



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เศรษฐกิจพอเพียง “วิถีชีวิตที่แท้จริงของคนไทย”


ขอฝากเสียง พร่ำบอก ออกอากาศ

ผู้รักชาติ รักถิ่นไทย ในพื้นหล้า

จงร่วมใจ ช่วยรัฐ พัฒนา

พลิกดินฟ้า สู้วิกฤติ เศรษฐกิจไทย

องค์เหนือหัว ประทานพร สอนลูกลูก

ให้เพราะปลูก พอเพียง เลี้ยงตนได้

รักพื้นดิน ถิ่นน้ำ งามวิไล

และร่วมใจ สร้างเขต เกษตรกรรม

อย่าหลงใหล แบบอย่าง ของต่างชาติ

ถ้าผิดพลาด จะรวดร้าว เขาเหยียบย่ำ

ส่งเสริมของ เครื่องใช้ คนไทยทำ

เลือกผู้นำ ที่รักชาติ องอาจงาม

สร้างระบบ จริยธรรม นำการเมือง

จะรุ่งเรือง ทั่วแคว้น แดนสยาม

ผนึกใจ รักเกษตร ทุกเขตคาม

คงสมนาม “พุทธเกษตร” ประเทศไทย