รอบรู้เรื่องสิวๆ

รู้จักผิวของคุณ

วัยรุ่นร้อยละ 90 เผชิญกับปัญหาผิวหนัง ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ปัจจุบัน เมื่อเด็กๆ เป็นหนุ่มเป็นสาวกันเร็วขึ้น การเริ่มเป็นสิวก็เกิดขึ้นกับผู้ที่อายุน้อยลงกว่าสมัยก่อนเช่นกัน ดังนั้น การรักษาสิวทันที หลังจากเห็นสัญญาณแรกของการเกิดสิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่า การเป็นสิวไม่ได้เป็นเพียงในวัยรุ่นที่กำลังก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่อาการสิวรุนแรง อาจเริ่มกับผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 25-30 ปีได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ฮอร์โมนแปรปรวนเสมอ จากการประมาณการ 1 ใน 4 ของผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 25 – 44 ปี ยังเผชิญกับปัญหาสิว และเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ที่เป็นหญิง มีปัญหาสิวในระดับต่ำถึงปานกลาง

สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร

ผิวของเราทุกคนเริ่มกระบวนการกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว และผลิตน้ำมันขึ้นมาตั้งแต่วินาทีที่เราคลอดออกมา ผิวผลิตน้ำมันในขณะเดียวกับที่กำลังกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เพื่อสร้างความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย กระบวนการนี้เกิดขึ้นตลอดเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ และสิวก็เกิดขึ้นในระหว่างที่กระบวนการธรรมชาติเหล่านี้ขาดสมดุล
สิวเกิดขึ้นจากภาวะใต้ผิวหนังที่เรียกว่า คอมีโด (Comedo) ซึ่งเป็นแหล่งรวมของเส้นขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และแบคทีเรีย
คอมีโด ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อคอมีโดเกิดการอุดตันภายใต้ผิวหนัง จึงเป็นภาวะที่เหมาะกับการติดเชื้อเมื่อผิวหนังมีการผลิตน้ำมันมากขึ้น จึงเป็นภาวะที่ดีที่แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตได้ ทำให้ผิวหนังโดยรอบบริเวณดังกล่าวเกิดการติดเชื้อขึ้น และเม็ดเลือดขาวจึงมีปฏิกริยาที่ต่อต้านอาการเช่นนี้

ขั้นตอนของการเกิดสิว

ขั้นที่ 1 การเริ่มต้น
หัวสิวจะเริ่มเกิด 2-3 สัปดาห์ ก่อนการเกิดสิวบนผิวหน้า ลึกลงไปในต่อมผลิตไขมัน (หรือรูขุมขน) และจะผลิต sebum หรือน้ำมันที่ช่วยให้ผิวคุณชุ่มชื่นและยืดหยุ่นออกมา

ขั้นที่ 2 สิ่งอุดตันรูขุมขน
ขณะที่ผิวของเราสร้างตัวขึ้นมาใหม่ เซลล์ผิวเก่าจะตาย และหลุดลอกออกไป เมื่อเซลล์ผิวถูกกำจัดไป ในที่สุด มันจะจับตัวกันเป็นก้อน แล้วผสมผสานกับน้ำมันผิวธรรมชาติ ก่อตัวเป็นสิ่งอุดตัน เหมือนจุกก๊อกที่อุดรูขวดน้ำ

ขั้นที่ 3 หัวสิวปรากฏขึ้นมา
สิ่งอุดตัน, หรือสิวเสี้ยน, น้ำมันที่คั่งค้าง และแบคทีเรียภายในรูขุมขน เพราะผิวของคุณยังคงผลิตน้ำมัน รูขุมขนจึงบวมเพราะสิ่งอุดตัน และแบคทีเรียที่เจริญเติบโต รูขุมขนของคุณจึงเกิดการติดเชื้อ และอักเสบ

ถึงแม้ว่าสิวจะเกิดขึ้นเหมือนกัน แต่มันมีหลายรูปแบบ และอาจมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คำแนะนำต่อไปนี้ ไม่ได้เป็นข้อสรุปในการวินิจฉัยอาการด้วยตัวคุณเอง แต่อาจช่วยคุณในการตัดสินใจว่าคุณควรรับการรักษาทางการแพทย์หรือไม่

ที่มา